หากคุณเคยให้เพื่อนหรือใครสักคนยืมเงิ น เชื่อว่าคงจะเข้าใจลึกซึ้ง ถึงความหมายของประโยคที่ว่า
“ถ้าไม่อย ากเสี ยเพื่อน อย่ าให้เพื่อนยืมเ งิน” ตอนมายืมสุดเศร้า เล่าความลำบาก
เเต่เมื่อถึงกำหนดไม่ยอมคืนบางคนต้องบากหน้าไปทวง แต่ก็ยังไม่ได้คืน ต้องเสี ยเพื่อนไปเพราะ
เ งินไม่เท่าไหร่มาหลายคนแล้วแม้เราจะทำอะไรเขาไม่ได้ แต่บ าปกร รมทำหน้าที่ของมันเสมอ
ผลกร รมของการยืมเงิ นของแต่ละคนไม่เหมือนกัน เพราะจะแปรไปตามเจตนาของผู้ยืม บางคน
ยืมแล้วเจตนาจะคืนแต่มีเหตุให้ไม่สามารถคืนได้ผลกร รมย่อมแต กต่างจากผู้ที่ยืมและมีเจตนาว่าจะไม่คืน
หรือบอกผลัดไปเรื่อย ๆ ทำให้ผู้ให้ยืมเดื อดร้อนใจ เป็นกร รมทางใจ
อยู่ที่จะเลือกต่อเ วรหรือหยุดเ วร แม้ในทางโลกจะเหมือนเราเสี ยเงิ นให้เขาฟรี ๆ แต่ทางธรรมคือเรายกห นี้
กร รมให้เขาไปแบกแทนให้ลองย้อนตั้งคำถามกับตนดูว่าสมควรจะโกรธแค้น ตัวแทนนี้อยู่หรือไม่?
โดยเนื้ อหาของบทความฉบับเต็มมี ดังนี้
ยืมเงิ นแล้วไม่คืนผลอาจไม่เหมือนกันต้องดูที่ตัวกร รมของแต่ละคนเมื่อรู้ว่ากร รมเป็นอย่ างไร ก็จะพออนุมาน
ถูกว่าผลกร รมน่าจะประมาณไหนรูปแบบของกร รมแปรไปตามเจตนา รวมทั้งความสามารถที่จะทำให้สำเร็จ
ตามเจตนาด้วย เช่น บางคนยืมด้วยความตั้งใจคืนอาจมีข้อสัญญาชัดเจนว่า
จะคืนเมื่อใด ให้หรือไม่ให้ด อกเบี้ยแล้วคืนได้ตามนั้นพร้อมของแถมตามข้อต กลงผลที่เกิดขึ้นทันที คือความ
ผูกพันในทางดีเป็นที่น่าเชื่อถือสำหรับกันและกัน ฝ่ายให้ ถือว่าได้บุญที่ให้โอกาสฝ่ายรับ ถือว่าได้บุญที่
ได้ทำตามที่พูด มีความสุข มีความเป็นผู้ใหญ่ด้วยกันทั้งคู่
บางคนยืมด้วยการตั้งใจคืนเสร็จแล้วคืนไม่ได้ ชนิดสุดวิสัย อย่ างนี้ไม่ได้ตั้งใจโกง ไม่ได้ผิดศีลข้อ ๒ แต่ผล
ที่เกิดขึ้นทันทีในชาติปัจจุบันคือ ความทรมานใจการข าดความนับถือตัวเองและการไม่เป็นที่น่าเชื่อถือ
ของคนอื่นส่วนผลในชาติถัดไปก็พอสมน้ำสมเนื้ อ
เช่น ที่ให้เงิ นใครยืมแล้วไม่ได้คืนเพราะเหตุสุดวิสัยของลูกห นี้ เป็นต้บางคนยืมด้วยความตั้งใจเรื่อย ๆ
มาเรียง ๆ ไม่ฟั นธง ไม่แน่ใจว่าจะคืนเมื่อไรคิดเผื่อไว้แค่แผ่ว ๆ ว่า
เดี๋ยวมีมาก ๆ ค่อยให้แบบนี้เหมือนก้ำกึ่ง เพราะทำไป ๆ มีสิทธิ์พลิกจาก ‘เดี๋ยวจะคืน’
เป็น ‘ไม่คืนดีกว่า’ เอาได้ง่าย ๆ ถึงจุดหนึ่งคนพวกนี้จะลืมความสัมพันธ์เก่า ๆ หมดพอเห็นตัวเลขในบัญชีที่คืนได้
แต่เกิดความเสี ยดายความตระหนี่เข้าครอบงำจิตใจรู้สึกขึ้นมาว่าอยู่ในบัญชีกู แปลว่าเ งินกูเรื่องอะไรจะให้
มันหายไปอยู่ในมือคนอื่น ความสำคัญมั่นหมายว่า ‘ของกู’ ทั้ง ๆ ที่ไม่ใช่นั่นแหละ
คือมุขเด็ดที่กิเลสบงการให้ก่อบาปกันดื้อ ๆ ผลทันทีคือมีจิตอ่อนแอ คิดอะไรแบบเด็ ก ๆ อยู่บนเส้นทางของคน
เหลวไหล ข้างหน้าจึงสมควรกับชะตาที่ดูเหลวไหลไร้เหตุผลวันหนึ่งเหมือนมีทรัพย์ที่ยั่งยืน อีกวันกลับมลาย
หายไปราวกับความฝัน เป็นต้นบางคนยืมด้วยความตั้งใจไม่คืนตั้งแต่แรก
แต่มาหว่านล้อมล่อหลอกว่าจะคืนพร้อมด อกเบี้ยมหาศาลบานตะไท ที่มายืมตรงนี้ก็เพียงเพราะอย ากประชดแบงก์
ที่กู้ย ากกู้เย็นนัก อันนี้ผิดศีลข้อ ๒ เต็ม ๆ เพราะขึ้นต้นด้วยเจตนาถือเอาทรัพย์
ที่เจ้าของมิได้ยกให้และการผิดแบบนี้แถมพกข้อ ๔ มาด้วย ฉะนั้น ในที่ที่กร รมเผล็ดผล
โ ท ษ สถานเบาในโลกมนุษย์ คือต้องเหมารวมทั้งผลของการผิดข้อ ๒ และ ๔ รวมกันสองกระทงผลของข้อ ๒
คือเป็นผู้มีทรัพย์พินาศ ด้วยเหตุร้ ายผลของข้อ ๔ คือเป็นผู้ถูกหลอกลวง ถูกใส่ร้า ย พูดง่าย ๆ ว่า
มีสิทธิ์เสี ยทั้งทรัพย์ เสี ยทั้งชื่อเสี ยง ด้วยการถูกใส่ร้า ย ใส่ไคล้หรือถูกต้มตุ๋นล่อลวงได้ส ารพัด
แต่ข้อเท็จจริง เป็นเช่นที่พ ระพุทธเจ้าตรัสคือ คนโกหกเป็นนิตย์ ที่จะทำชั่ วอะไรไม่ได้นั้นไม่มี ยิ่งถ้ามาถึงขั้นโกหก
เพื่อเชิดเงิ นคนอื่นได้ทำให้เขาเดื อดร้อนหน้าตาเฉยได้ก็แปลว่าต้องทำบาปร้า ยกาจได้หนักกว่านี้ไปเรื่อย ๆ
ฉะนั้น โ ทษทัณฑ์ที่แท้จริงก่อนจะมีสิทธิ์ได้กลับมาเป็นมนุษย์
จึงน่ากลัวกว่าที่เราเห็น ๆ กันขณะเป็นมนุษย์ในฐานะคนถูกโ กง ก็ต้องระลึกด้วยว่า เกมกร รมยังไม่จบคน
ถูกโกงก็ต้องมีกร รมในขั้นต่อไป เมื่อทวงแล้วไม่คืนเมื่อฟ้องแล้วไม่สำเร็จ (เพราะมักไม่มีสัญญาเป็นลายลักษณ์อักษรกัน)
ที่สุดก็เหลือกร รมทางใจจะคุมแ ค้น อย ากลงมือแก้แค้ นให้หายเจ็ บใจ หรือจะเลือกเชื่อว่านี่เป็นโอกาสดี
ชาตินี้ได้รู้จักศ าสนาที่สอนเรื่องเหตุและผล ทำเหตุอย่ างไรมา ก็ต้องได้ผลอย่ างนั้นบ้างรู้แล้วเราจะเลือก
ต่อเ วรหรือหยุดเ วร
ทางโลกเหมือนยกให้เขาได้เงิ นไปฟรี ๆ แต่ทางธรรมคือ ยกห นี้กร รมให้เขารับไปแบกแทน ในเมื่อมีตัวจากไปแล้ว
ตัวแทนมารับช่วงถึงที่เราสมควรแ ค้นเคืองหรือขอบคุณ
ขอบคุณที่มา : e-yhangwa