หลาย ๆ คนน่าจะรู้จักคุณคุณคิโยซากิ ผู้เขียนในหนังสือการเ งินชื่อดังอย่ าง พ่ อ ร ว ย ส อ น ลู ก
เขาบอกว่าพ่อที่แท้จริงของเขานั้นมีความคิดแบบ “พ่อจน” ส่วนพ่อของเพื่อนสนิทเขามีความคิดแบบ “พ่อร วย”
ซึ่งเริ่มต้นด้วยเงิ นเพียงน้อยนิดแต่สามารถกลายเป็นหนึ่งในคนที่ร วยที่สุดของฮาวายได้!
ด้วยการที่เขาได้คลุกคลีกับพ่อทั้งสองท่าน คุณคิโยซากิก็ได้เรียนรู้ว่าคำพูดของพ่อทั้งสองนั้นแต กต่างกัน
เราลองมาดูกันว่า ถ้า อ ย า ก จะมีทัศนคติแบบคนร วย ต้องทำอย่ างไร แล้วความคิดแบบไหนที่ควรหลีกเลี่ยง?
พ่อจนบอกว่า “ฉันไม่มีวันร วยหรอก”
พ่อร วยบอกว่า “ฉันเป็นคนร วย”
แม้ว่าพ่อร วยของคุณคิโยซากิจะเจอภาวะล้ มละลาย เขาก็ยังเรียกตัวเองว่า “คนร วย”
โดยเสริมว่า ความแต กต่างระหว่างการล้ มละลายกับความจนก็คือ การล้ มละลายน่ะมันแค่
ชั่ ว ค ร า ว แต่ความจนน่ะคือตลอดไป”
พ่อจนบอกว่า “ฉันซื้อมันไม่ได้หรอก”
พ่อร วยบอกว่า “ฉันจะซื้อมันได้อย่ างไร”
ประโยคของพ่อจนนั้นเป็นเพียงประโยคบอกเล่าที่ชวนให้ท้อถอยเสี ยเหลือเกิน
แค่พูดคำนี้ ส ม อ ง ก็ไม่ทำงานต่อแล้ว
ส่วนประโยคของพ่อร วยนั้นเป็นคำถามที่ ก ร ะ ตุ้ น ส มอ ง ให้คิดหาวิ ธีสร้างเ งินเพื่อมาซื้อสิ่งนั้น ๆ
แต่เดี๋ยวก่อน! ขาช้อปอย่ าเพิ่งเฮไป นี่ไม่ได้หมายความว่าเราควรจะซื้อทุ กอย่ างที่เราปรารถนา
แต่ประเด็นอยู่ที่การฝึก ส ม อ ง ให้คิดหาคำตอบเรื่อย ๆ ต่างหาก ว่าจะหาทางสร้างเงิ นอย่ างไร
ไม่แน่ว่าพอเราได้เงิ นนั้นมาแล้ว เราอาจจะไม่ได้ อ ย า กได้ของชิ้นนั้นแล้วก็ได้
พ่อจนบอกว่า “บ้านของฉันคือสินทรัพย์”
พ่อร วยบอกว่า “บ้านของฉันคือห นี้สิน”
หลายคนยังไม่เข้าใจความแต กต่างระหว่างสินทรัพย์และห นี้สิน ให้เราอธิบายง่าย ๆ ละกัน
สมมติเราต กงานวันนี้ สินทรัพย์คือสิ่งที่จะยังทำเงิ นให้เราได้ ส่วนห นี้สิน
จะดึงเงิ นออกจากเรา ในกรณีของบ้าน
ซึ่งเป็นตัวอย่ างข้างต้นนั้น เป็นสิ่งที่มีมูลค่าสูง แต่กลับไม่ค่อยเพิ่มมูลค่าเมื่อเวลาผ่ านไปสักเท่าไรนัก
แถมเราอาจจะต้องจ่ายด อกเบี้ยเงิ นกู้บ้านเรื่อย ๆ ด้วย
จึงทำให้บ้านกลายเป็นห นี้สินอย่ างเห็นได้ชัด แต่ ๆ ๆ ไม่ได้จะบอกว่าไม่ให้ซื้อบ้านนะ
ถ้าซื้อด้วยความจำเป็นมันก็โอเค จุดสำคัญคือ เราต้องเข้าใจว่าสินทรัพย์และห นี้สินต่างกันอย่ างไร
พ่อจนบอกว่า “เรียนให้หนักเข้าไว้ จะได้ทำงานในบริษัทดี ๆ”
พ่อรว ยบอกว่า “เรียนให้หนักเข้าไว้ จะได้สามารถเป็นเจ้าของบริษัทดี ๆ ได้”
เหล่าคนร วยมักไม่กลัวที่จะคิดการใหญ่ พวกเขาจะตั้งความหวังไว้สูง ๆ
และคาดหวังว่าจะทำเงิ นได้เยอะ ๆ ในขณะที่คนธรรมดาทั่วไปคาดหวังว่าพวกเขา
จะต้องลำบาก และไม่ได้ตั้งเป้าหมายไว้สูงมาก
พ่อจนบอกว่า “เรื่องเงิ นท อง อย่ าไป เ สี่ ย ง ”
พ่อร วยบอกว่า “จงเรียนรู้วิ ธีบริหารความ เ สี่ ย ง ”
มีหลายคนที่กลัวความ เ สี่ ย ง จึงเก็บเงิ นไว้กับตัวเอง
นั่นเพราะพวกเขาอาจจะไม่รู้ว่าจริง ๆ ความ เ สี่ ย ง นั้นสามารถบริหารจัดการกันได้
คนร วยส่วนใหญ่ลงเล่นเกมการเ งินก็เพื่อเอาชนะ ซึ่งพวกเขาต้องมีความกล้าได้กล้าเสี ยระดับหนึ่ง
แต่ขณะเดียวกันพวกเขาก็สามารถรับความไม่แน่ไม่นอนได้ นั่นหมายความว่า
พวกเขาไม่ได้แค่หลับหูหลับตาก้าวเข้าไปสู้รบแบบไม่รู้เรื่องอะไร
แบบนั้น อั น ต ร า ย พวกเขาต้องกล้าที่จะรับความ เ สี่ ย ง แบบชาญฉลาด ซึ่งต้องใช้ประสบการณ์
และความรู้ระดับหนึ่ง
ดังนั้น เพื่อที่จะให้ได้ประสบการณ์และความรู้มากขึ้น เราก็ต้องลอง!
ลองผิดลองถูกและเรียนรู้ทุ กครั้งเมื่อสำเร็จหรือล้ มเหลว
สิ่งเหล่านี้จะช่วยสร้างความแข็งแกร่งให้เรา และทำให้เราเข้าใจความ เ สี่ ย ง มากขึ้น
พ่อจนบอกว่า “ฉันไม่สนใจเรื่องเงิ นหรอก”
พ่อร วยบอกว่า “เงิ นคืออำนาจ”
พวกเราส่วนใหญ่มักถูกสอนให้เรียนดี ๆ หางานดี ๆ และจงพอใจในชีวิตที่เรามีอยู่เสี ย
จะว่าเป็นความคิดที่ดีมันก็ดี
มันทำให้เราไม่โลภ อ ย า ก ได้อะไรเกินตัวเกินไป แต่ในขณะเดียวกัน
มันก็อาจจะปิดกั้นศักยภาพบางอย่ างของเราที่อาจจะเติบโตได้อีก
ในทางตรงกันข้าม คนร วยจะคิดถึงเรื่องเงิ นแบบเป็นขั้นเป็นตอน และมองเงิ นว่าเ
ป็นเครื่องมือที่มีอำนาจซึ่งสามารถนำมาซึ่งตัวเลือกและโอกาสต่าง ๆ ได้
พูดง่าย ๆ คือ ไม่ว่าเงิ นจะถูกมองไม่ดีอย่ างไร แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้ว่าการมีเ งินเยอะ ๆ
ก็ถือเป็นแต้มต่อให้ชีวิตจริง ๆ
พ่อจนบอกว่า “ฉันทำงานเพื่อเ งิน”
พ่อร วยบอกว่า “เงิ นทำงานให้ฉัน”
ความแต กต่างระหว่างคนร วยกับคนธรรมดาอย่ างหนึ่งก็คือวิ ธีที่พวกเขาได้รับเ งิน
คนธรรมดาส่วนใหญ่ก็ทำงานแลกเวลาหาเงิ นกันไป
เงิ นเดือนออกทีก็ชาบูที วิ ธีนี้แม้จะการันตีว่าได้เ งินแน่นอนแต่ถ้ามัวแต่ทำงานแบบนี้
อย่ างเดียวโดยไม่หาทางให้เงิ นงอกเงยทางอื่นเลย
ก็อาจจะทำให้เงิ นไม่พอในอนาคต และมีความ เ สี่ ย ง หากเกิดกรณีต กงานอีก
ในขณะที่คนร วยนั้นส่วนใหญ่จะมีธุรกิจเป็นของตัวเอง ทำงานแบบมีค่าคอมมิชชั่น
หรือเลือกลงทุนในสินทรัพย์ต่าง ๆ
หลายคนอาจจะบ่นว่า โห มีเงิ นแค่นี้ จะให้มันทำอะไรได้ ไม่พอหรอก ซึ่งเราก็ปฏิเสธ
แต่ชีวิตเราไม่จำเป็นต้องเลือกทางเดียว
เราสามารถทำงานไปด้วย และให้เ งินทำงานแทนเราไปพร้อม ๆ กันก็ได้ ผ่ านการลงทุนในสินทรัพย์ต่าง ๆ
เช่น หุ้น กองทุนรวม อสังหาริมทรัพย์ หรือ สร้างธุรกิจเล็ก ๆ ที่พอจะสร้างกำไรให้เราได้ ควบคู่ไปด้วย