ความหวังดีที่อีกฝ่ายไม่ต้องการก็เท่ากับส่วนเกินหวังดีแล้วไม่ได้ดีหวังดีแต่เขา
ไม่เห็นค่าอุตส่าห์หวังดีทำไมถึงโกรธหวังดี
ก็หาว่าหนูแส่ไม่เข้าเรื่องคำพูดน้อยใจหรือเสี ยใจประมาณนี้เป็นสิ่งที่ผมพบได้บ่อย
ถึงบ่อยมากซึ่งสร้างความทุ กข์ใจให้กับผู้ที่หวังดีไม่มากก็น้อย
แต่เมื่อฟังรายละเอียดของเหตุการณ์แล้วพบว่าความหวังดีที่เป็นส่วนเกินที่พบ
ได้บ่อยนี้สามารถแบ่งได้เป็น 4 กลุ่มใหญ่ ๆ
1. หวังดีแต่เป็นคนที่ไม่ใช่
กรณีนี้พูดง่ายๆ เลยคือ คนไม่ใช่ทำอะไรก็ผิดแม้ผลจะดียังไง อีกฝ่ายก็ไม่ชอบอยู่ดี
บางครั้งอาจเกิดจากระดับความสัมพันธ์ที่ไม่ได้สนิทสนมมากเพียงพอแนวทางแก้ไข
กรณีนี้ก่อนแสดงความหวังดีควรพิจารณาก่อนว่า
ความสัมพันธ์ของเรากับอีกฝ่ายเป็นอย่ างไร เราเป็นคนที่อีกฝ่ายอย ากได้รับความหวังดีหรือไม่
หากในกรณีที่ทำไปแล้วอีกฝ่ายไม่สนใจในความหวังดีก็คงต้องทำใจและเลิกทำไป
หรือหากยังอย ากพย าย ามทำให้ต่อไปซึ่งมักเกิดขึ้นในกรณีการตามจีบ
ก็ต้องทำใจยอมรับไว้ก่อนเลยว่าอีกฝ่ายอาจไม่โอเคด้วยดังนั้นแล้ว หากให้สรุปง่ายๆ
ก็คือต้องตระหนักไว้เสมอว่า ความหวังดีไม่ได้แปลว่ามันจะดีทุ กครั้งความหวังดีนั้นต้อง
ถูกเรื่อง ถูกเวลา ถูกคนและไม่มากเกินไป จึงจะเป็นความหวังดีที่ดีจริง ๆ
เรื่องของความหวังดีอย่ าหวังดีหัวปักหัวปำบางครั้งการห่วงใย กลายเป็นก้าวก่ายไม่รู้ตัว
และความหวังดีที่มาผิดที่ผิดเวลา อาจเรียกได้ว่า เผือกเพราะว่าหวังดีของเราอาจไม่ได้
แสดงในทางดีและหวังดีของเราอาจไม่ทำให้คนพอใจเสมอไป
หวังดีไม่ใช่การยืนมองอยู่ในจุดเรา แบบแผนเราหวังดีไม่ใช่จัดไป จัดให้ตามใจเพื่อให้รู้ว่า
รักหวังดีไม่ใช่การฝืน ขืนใจหวังดีไม่ใช่การเก็บไว้ในใจเสมอให้คนเดาเอาเองหวังดีมี
ความแต กต่างกันไป
อย่ างน้อยควรแสดงออกให้รู้ว่าหวังดีท้วงติง ตริตรองไม่ให้เกิดการเหลิงลมบนที่สำคัญ
หวังดี คือ อิสระ ไม่ฝืน ไม่ต้องการควบคุม
2. หวังดีแต่ผิดเวลา
กรณีนี้คือตัวสิ่งที่ทำไม่ใช่ปัญหาแต่ปัญหาคือดันผิดเวลาผิดก าลเทศะ จึงทำให้อีกฝ่ายรู้สึกไม่ดี
เช่น รู้มาว่าเพื่อนพึ่งหย่ ากับสามีพอเจอหน้าเพื่อนเลยรีบถามด้วยความเป็นห่วงว่าแกเป็นไงมั่ง
เห็นว่าพึ่งหย่ าเหรอ ต่อหน้าเพื่อนอีกเป็นสิบคน
ซึ่งความจริงเพื่อนก็อย ากระบายและปรึกษาอยู่แต่ไม่ใช่ต่อหน้าคนเยอะขนาดนี้แนวทางแก้ไข
ก่อนแสดงความหวังดี ควรมองรอบๆ ก่อนสักนิดว่าจังหวะและเวลามันเหมาะสมจริงหรือไม่ก่อนที่
จะแสดงความหวังดีออกไป
3. หวังดีแต่น่ารำคาญ
กรณีนี้อาจไม่ได้มีผลร้ ายอะไรตามมาแต่ความไม่พอใจมักเกิดจากความเยอะ หรือ มาก เกินไปของ
ความหวังดี ตัวอย่ างที่เห็นได้บ่อย คือการถามหรือบ่นอะไรซ้ำ ๆ เช่น แม่เป็นห่วงลูกสาวมาก เลย
หวังดีโทรถามทุ กเย็น
กว่าเลิกเรียนแล้วกลับบ้านรึยังซึ่งทำให้ลูกสาวหงุดหงิดและรำคาญหรือฝ่ายหญิงพูดเตื อนแฟนทุ กครั้ง
ที่เล่นเกมส์เพราะ หวังดี กลัวเ สียสายตาจนอีกฝ่ายเบื่อแนวทางแก้ไข กรณีนี้จะเห็นว่าปัญหาไม่ได้อยู่
ที่ผลลัพธ์แต่สิ่งที่แต่สร้างปัญหาคือความ มากเกินไป ของความหวังดี
ซึ่งส่วนใหญ่มักเกิดจากความกังวลของคนที่หวังดีนี่แหละดังนั้นการแก้คือต้องรู้ตัว
แล้วลดความเยอะหรือบ่อยลงไปและหาทางจัดการกับความกังวลของตัวเองให้ได้
4. หวังดีแต่ผลร้ าย
ต้องบอกก่อนว่ากรณีนี้ไม่ได้พูดถึงการ หวังดีประสงค์ร้ ายซึ่งในกรณีนี้จะหมายถึงการประสงค์ร้ าย
ตั้งแต่แรกแล้วเพียงแต่มาทำเหมือนดีด้วย แต่เป็นการทำด้วยความหวังดีจริงๆ
แต่ผลกลับออกมาไม่ดี ตัวอย่ างของความหวังดีแบบนี้เช่น
สามีต้องเอาเอกส ารสำคัญไปทำงานพรุ่งนี้ด้วยความกลัวลืมเอาไปมาก จึงเอากระเป๋าใส่เอกส าร
ไปแขวนไว้ตรงหน้าประตู จะได้ไม่ลืม ภรรย าเดินผ่ านมาเห็นจึง หวังดี เอาไปเก็บในห้องให้เพื่อ
ความเรียบร้อยผลคือสามีลืมเอาไป
แน่นอนว่าความหวังดีที่ผลร้ ายแบบนี้มักทำให้อีกฝ่ายโกรธหรือไม่พอใจ หากมาวิเค ราะห์ความหวังดี
ประเภทนี้จะพบว่าปัญหาที่เกิดขึ้น
มักประกอบด้วย 2 องค์ประกอบ คือคิดไม่รอบคอบ มักคิดเองเออเองว่าสิ่งที่ทำมันดีโดยไม่เข้าใจเหตุการณ์
อย่ างถ่องแท้ เช่นตัวอย่ างกรณีแรกจะเห็นว่า หากคิดให้ดีๆควรจะสงสัยและคิดว่าทำไมสามี
ต้องเอากระเป๋าไปแขวนไว้ตรงหน้าประตูด้วย น่าจะมีเหตุผลบางอย่ างแต่พอไม่ทันคิด จึงกลายเป็นคิดเอาเอง
ว่าการเอาไปเก็บในห้องให้เรียบร้อยเป็นสิ่งที่ดี จึงเกิดปัญหาขึ้น
ข าดการสื่อส ารที่ดี ในทั้งสองกรณีที่ยกตัวอย่ างจะเห็นว่าปัญหาจะไม่เกิดเลยหากเราถามอีกฝ่ายหนึ่งก่อนว่า
ที่ทำแบบนั้นมีเหตุผลอะไรรึเปล่า หรือก่อนจะเอาไปเก็บถามก่อนว่าอีกฝ่ายต้องการหรือไม่
ก็จะหลีกเลี่ยงผลเสี ยที่ตามมาได้แล้วแนวทางแก้ไข จากที่วิเค ราะห์ไป
จะเห็นว่าความหวังดีแต่ผลร้ ายนี้สามารถแก้ได้ 2 แบบ คือ คิดให้รอบคอบก่อน
หากไม่แน่ใจว่าสิ่งที่ทำมันจะดีจริงก็ชะลอไว้อย่ าพึ่งทำและ สื่อส ารกันให้ดี
ถามอีกฝ่ายหนึ่งก่อนว่าต้องการความหวังดีของเราหรือเท่านี้ก็น่าจะช่วยแก้ปัญหาได้แล้ว
ขอบคุณที่มา : verrysmilejung