1. หัวหน้าก็คนนะ.. รู้ยัง
สำหรับมนุษย์เงิ นเดือนตัวจ้อยอย่ างเรา สิ่งที่พวกเรายำเกรงที่สุด
ในที่ทำงานก็คงจะหนีไม่พ้นเจ้านายคนที่เป็นหัวหน้างานเอง
ก็มีนิสัยแต กต่างกันไป
อย่ างตัวเราเคยเจอทั้งที่แบบขึ้นชื่อว่าโ ห ด สุด ๆทำงานหนัก ไปจนถึงวัน ๆ
ไม่ทำการทำงาน คอยสั่งคนนู้นทีคนนี้ที แต่พอได้มองดูดี ๆ
เราก็พบว่า เฮ้ย หัวหน้าก็คนนี่หว่าแต่คน ๆ นี้
มันจะมาบ่นว่าขี้เกียจตื่น หรือโดนนายสั่งงานเยอะไม่ได้ไง เพราะอะไรน่ะเหรอ
นอกจากจะโดนหัวหน้าของเค้าเองเขม่นแล้ว ลูกน้องก็ยังจะไม่ให้ความเคารพ
ด้วยหนำซ้ำอาจจะพาลกันเสี ยระบบการปกครองทั้งทีม
ถ้าให้แนะนำก็อย ากจะบอกว่าพย าย ามเข้าใจเค้าดีกว่าว่าเค้าก็เป็นมนุษย์
อย่ างเรา ๆ นี่แหละ เป็นคนดีบ้ า งคนไม่ดีบ้ า ง นิสัยก็แต กต่างกันบ้ า งเป็นเรื่องปกติ
อย่ ามองว่าเรากับเค้าอยู่คนละขั้วกัน อย ากให้มองในมุม
ที่ว่าถ้าเราไม่ทำงานให้เค้า เค้าจะเอางานที่ไหนไปส่งละ จริง ๆ หัวหน้าเลิกงานก็
อย ากกลับบ้ า นไปเจอครอบครัวไม่ได้อย ากอยู่ดึก ๆ ให้คนที่บ้ า น
เป็นห่วงหรอก เวลาว่างก็ไม่ได้อย ากทำงาน ก็อย ากไปเที่ยว
เหมือนกันนั่นแหละ แต่แค่ออกหน้าพูดมากแบบเราไม่ได้ ตำแหน่งมันค้ำคอ ลองคิดดู
แค่เรานำเสนองานกับหัวหน้าก็เกร็งจะแ ย่ นี่เค้าต้องเอางานเราไปนำเสนอกับหัวหน้าฝ่าย
หรือ CEO ลูกน้องคนไหนที่ช่วยแบ่งเบาภาระเค้าได้เยอะ
เค้าก็จะรักคนนั้นเป็นธรรมดา
2. เพราะเราไม่ได้เกิดมาเพื่อทำงาน อ ย่ า ง เดียว
เราไม่ได้ทำงานแล้วแฮปปี้ทุ กวัน หลายครั้งที่เรากลับไปบ้ า นแล้วอย ากจะลาออกมัน
ซะเดี๋ยวนั้นแต่ถ้าเรามีเป้าหมายอื่น ๆ ในชีวิต เช่น วิ่งมาราธอน, ปลูกต้นไม้ หรือแม้กระทั่ง
ต่อ ป.โท การเปลี่ยนโหมดมาทำเรื่องที่เราชอบจะทำให้อ ารมณ์ดีขึ้น
และ เพิ่มความมั่นใจเพราะการเฟลจากที่ทำงานส่วนมากมักทำให้เราเสี ยกำลังใจ
และข าดความมั่นใจในตนเองสำหรับเรามันส่งผลถึงการเข้าสังคม การตัดสินใจในเรื่องงาน
และ อีกมากมาย
ยกตัวอย่ าง… มีเพื่อนคนนึงชอบตัดเย็บเสื้อผ้ามาก จริงจังขนาดลงคอร์สเรียนเส า ร ์อาทิตย์
ตอนนี้ทำงานประจำไปด้วย ตัดเสื้อผ้าขายไปด้วย จนตอนนี้เปิดร้านขายออนไลน์สร้างเป็น
อาชีพเสิรมที่มีรายได้มากกว่างานประจำไปละ
3. โฟกัสที่ลู่วิ่งของเรา สนใจ ใส่ใจ แต่… อย่ าเก็บลู่วิ่งคนอื่นมา อิ จ ฉ า
ช่วงปีที่ผ่ านมานี้ เพื่อนเราหลายคนเริ่มเรียนต่อ สร้างครอบครัว บางคนเปลี่ยนงานไปงานที่เงิ น
เดือนสูงสุด ๆ บางคนเริ่มธุรกิจของตัวเอง บางทีเราเลื่อนดูหน้าเฟซแล้วก็แอบคิดนะว่า
เฮ้ย…!! คนนั้นคนนี้ได้ดิบได้ดี
แล้วตัวเราล่ะทำอะไรอยู่ แต่บอกเลยว่าชีวิตพวกเขาก็ไม่ได้ดีกว่าเราหรอกเผลอ ๆ
เพื่อนหลายคนอาจจะกำลังอิ จฉาชีวิตเราอยู่ก็ได้เคยมีคนเดินมาบอกเราว่าแหม ชีวิตดีจังนะ… คือ
ตัวเราเองก็ไม่ได้คิดเลยว่าชีวิตเราดี
สิ่งที่เราคัดกรองโ พ ส ต์ ลงโซเชียลนั่นแหละที่ดี จงจำไว้ว่า อย่ าเอาจังหวะชีวิตของเรา
ไปเปรียบเทียบกับคนอื่นโฟกัสที่ลู่วิ่งของเรา รู้ว่าเรากำลังจะทำอะไร รู้ว่าปลายทางเราต้อง
การอะไร รู้ว่าวันนี้เราทำดีกว่า
เมื่อวานแล้วหรือยัง ก็เพียงพอแล้ว แอบมองลู่วิ่งคนอื่นบ้ า งเป็นบางครั้ง เพื่อเป็นแรงก ร ะ ตุ้ น
ให้เราจริงจังกับชีวิตมากขึ้น แต่อย่ าเก็บมาใส่ใจจนเป็นทุ กข์พอ
4. อ ย่ า เป็นตัวของตัวเองเกินไปในโลกออนไลน์
หลายคนเชื่อว่าโลกโซเชียลเป็นพื้นที่ส่วนตัว จะโ พ ส ต์ อะไรมันก็สิทธิ์ของเรา
แต่รู้รึเปล่าว่า HR สมัยนี้ นอกจากจะดู resume เราแล้ว ยังดูเ ฟ ซ บุ๊ ก
ของเราด้วย เพื่อนเราที่เป็น HR ยืนยันมาว่า Social media
บอกความเป็นตัวตนที่แท้จริงของเราได้มากกว่า Resume เป็นสิบเท่า เห็นไหมว่า
ตัวตนบนโลกออนไลน์ของเรานั้นมีผลกับเราตั้งแต่ก่อนเข้างานซะอีก
เมื่อเราเป็นมนุษย์เ งินเดือน
เต็มตัว เรื่องพวกนี้ยิ่งต้องระวั ง อย่ างเราคือไม่แตะเฟซบุ๊กเลย หรือถ้าจะโ พ ส ต์ /แ ช ร์อะไร
ก็คิดแล้วว่าถ้า หัวหน้ามาเห็นก็ไม่เป็นไร ถ้าอย ากมีพื้นที่ส่วนตัวจริง ๆ
แนะนำให้แยกเฟสที่ทำงาน กับ เฟซส่วนตัวเลย แล้วปิดสาธารณพด้วย
เพราะ ส่วนมากคนในที่ทำงานเค้าก็ขอแอดกันอยู่แล้ว ยิ่งเรื่องดราม่าในที่ทำงาน
คนนั้นคนนี้ เบื่องาน หัวหน้างี่เง่า ห้ามโ พ ส ต์ เด็ดข าด โ พ ส ต์ ปุ้บมีคนแคปปั้บ
แน่นอน…!! เตื อนแล้วนะ
ขอบคุณที่มา : jingjai99