Home ข้อคิด 12 นิสัยของคนไทย ที่ไม่ควรนำมาใช้ ในที่ทำงาน

12 นิสัยของคนไทย ที่ไม่ควรนำมาใช้ ในที่ทำงาน

25 second read
ปิดความเห็น บน 12 นิสัยของคนไทย ที่ไม่ควรนำมาใช้ ในที่ทำงาน
0
14,802

1. คนไทยเป็นคนสบาย ๆ แต่ก็ไม่ควรสบายในเรื่องการนัดหมาย

ไม่ว่าจะนัดหมายให้มาถึงที่ทำงาน, นัดหมายส่งงาน หรือนัดพบตามธรรมดาก็ตาม ม า ร ย า ท ที่พึงมีคือ

การมาก่อนเวลาหรือมาตรงเวลา แบบ “นัดสากล”อย่าเลทแล้ว พ ย ายาม

 

หาข้อแก้ตัว ทำตัวสบาย ๆ แบบ “นัดไทย” ถึงแม้คุณและอีกฝ่ายจะยิ้มต่อกัน

ก็ไม่ช่วยให้ความรู้สึกและความน่าเชื่อถือดีขึ้นมา

 

2. นอบน้อม ตกปากรับคำอย่างดี แต่ไม่ตั้งข้อสงสัยก่อนทำหรือทำไม่ได้

วัฒนธรรมการนอบน้อมต่อผู้ที่สูงกว่าด้วยวัยวุฒิหรือคุณวุฒิก็ตามเป็นสิ่งที่ดี แต่ไม่ควรลามมาถึงระบบการทำงาน

อย่าเอาหน้าไว้ก่อนแล้วต้องมาบ่นอุบทีหลังจงซื่อสัตย์กับตัวเอง

 

และคนอื่น มีข้อสงสัยอะไร หรือขัดข้องตรงไหน ให้รีบถาม โดยทันที เพราะการทำงานต้องอาศัย

teamwork ทุกคนล้วนแต่มีสิทธิมีเสียงเท่ากัน

 

3. นินทาเพื่อนร่วมงาน เก่งแต่ วิ พ า ก ษ์ วิ จ า ร ณ์ อย่างลับ ๆ

คันปากแค่ไหน อยากเม้าท์เพียงใด ขอให้มันเป็นเรื่องที่อยู่นอกเหนือสถานที่ และเวลาในการทำงาน

การจับกลุ่มนินทานอกจากจะไม่ได้ประโยชน์อะไรเลย ต่อหน้าที่การงาน ยังเป็น

 

การสร้าง ศั ต รู โดยไม่จำเป็นอีกด้วย ถึงแม้คน ๆ นั้น จะต่างภาษา ต่างวัฒนธรรม

ไม่สามารถเดาได้ว่ากำลังพูดอะไรอยู่ แต่อย่าลืมว่า สีหน้าและท่าทาง เป็นภาษาสากลที่ฟ้องได้ชัดเจน

 

ในทางกลับกัน ถ้าแน่ใจว่า ไอเดียของตัวเองดีกว่าจริง ก็อย่าเจ๋งในที่ลับด้วยการแอบ วิ พ า ก ษ์ วิ จ า ร ณ์

อยู่ข้างหลัง เสนอความเห็นกันตรง ๆ ซึ่งหน้าไปเลย ให้ พ ย า น คนอื่นช่วย

ตัดสิน ให้รู้ดำรู้แดงไปเลยว่าใครเจ๋งจริง ใครแค่โม้

 

4. ยิ้มหรือหัวเราะไปงั้น ๆ ไม่รู้จะพูดอะไร

ถึงเมืองไทยจะเป็น ส ย า ม เมืองยิ้ม แต่ในบริบทการสนทนากันโดยเฉพาะ เรื่องงานที่ต้องการ แ ช ร์ ไอเดีย

เสนอความคิดเห็น ถ้าถูกจี้ให้ตอบก็ไม่ใช่ เรื่องเสียหายที่จะตอบไปตรง ๆ

 

เลยว่าตอนนั้นคุณคิดอะไรหรือไม่มีไอเดีย มันดีกว่ายิ้มหรือหัวเราะไปงั้น ๆ ที่เป็นท่าทีดูไม่ออกว่าคุณเห็นดี

เห็นงามด้วย หรือกำลัง หั ว เ ร า ะ เ ย า ะ กลบเกลื่อนอยู่ เลือกทำอะไร

สักอย่าง ที่ชัดเจนจะดีกว่า

 

5. ขี้เกรงใจ ขี้อาย สงบเสงี่ยมเจียมตัว พอใจในสิ่งที่มีอยู่

ถึงแม้การทำตัวเรียบร้อยจะทำให้เราดูน่ารักและความพอใจในสิ่งที่มีอยู่ จะเป็นเรื่องดีต่อชีวิต แต่อย่าลืมว่าในการทำงานที่อาศัย

teamwork ก็ ต้องการผู้กล้าหลายคนเพื่อผลักดันงานให้ก้าวหน้า เก็บนิสัยรัก comfort zone

นี้ไว้ในเรื่องส่วนตัวเถอะ เรื่องงานยังต้องการความ ท ะ เ ย อ ะ ท ะ ย า น ต้องการความสามารถมา แ ช ร์ กันอีกเยอะ

 

6. อยากรู้อยากเห็นเรื่องคนอื่น สักนิดนึงก็ยังดี

เวลางานก็คือเวลางาน สิ่งที่ควรโฟกัสก็คือจะทำอย่างไรให้งานเสร็จไว ตรงเป้าหมาย ได้คุณภาพ อะไรที่เป็นเรื่องส่วนตัว

ค่อยไว้หลังเลิกงานก็ได้ อย่าสร้างนิสัยเสียด้วยการแอบเปิด

โซเชียลเช็คข่าวสักนิดนึงก็ยังดี ถึงจะอัพเดทมากขึ้นมันก็เท่านั้น ไม่ช่วยให้ชีวิตก้าวหน้าขึ้นแต่อย่างใด

 

7. สนใจแต่ความบันเทิง รื่นเริง มหรสพ

ถ้าสนใจแต่เรื่องสนุก ชีวิตก็จะมีมิติอยู่แค่ความสนุกแค่นั้น แต่ถ้าเปิดตาเปิดใจ รับฟัง ข่ า ว ส า ร บ้านเมืองบ้าง

หาบทความดี ๆ อ่ า น บ้าง นอกจากจะได้ ไอเดียดี ๆ มาปรับใช้ในการ

ทำงานให้พัฒนามากขึ้น ชีวิตส่วนตัวก็จะดูดีขึ้นเยอะ จากการสนใจใฝ่รู้แต่เรื่องมีคุณภาพอีกด้วย

 

8. หวงสูตร หวงความรู้

ย้ำอีกทีว่าการทำงานต้องอาศัย teamwork นั่นก็แปลว่า แม้จะถูกมอบหมาย ให้เป็นหัวหน้างาน ก็ไม่ได้แปลว่าคุณ

จะต้องทำทุกอย่างเองด้วยตัวคุณ เพียงคนเดียว ใครที่ด้อยกว่าเรา

ก็ฉุดให้เขาไปด้วยกัน จับมือกันทำงานด้วย บางทีความคิดเราเพียงคนเดียวก็ใช่ว่าจะวิเศษที่สุดเสมอไปก็ได้

 

9. ก่อดราม่า เรียกคะแนนความเห็นใจ

ความ ส ง ส า ร เห็นใจเป็นนิสัยหนึ่งที่มนุษย์คนไหนก็มีเป็นธรรมดาเมื่อต้องเจอ เรื่องที่สะเทือนใจสุด ๆ แต่ในการทำงาน

ที่ต้องอาศัยความเด็ดขาด ตรงไปตรงมา น้ำตาไม่สามารถช่วยอะไร

 

ให้ดีขึ้นได้ ต่อให้คุณรู้สึกว่าไม่เป็นธรรมจริง ๆ ก็ ต้องมีวิธีพิสูจน์ที่ชัดเจน สอดคล้องกับกติกาของการทำงานมากที่สุ

ดในทางกลับกัน หากมีใครมาขอความเห็นใจในการทำงานก็อย่าเพิ่ง

 

ใจอ่อนเด็ดขาด กฎต้องเป็นกฎ ถ้าไม่รักษาอย่างเคร่งครัดก็เตรียมรับผิดชอบ

ความเสียหายที่จะตามมาในภายหลัง ให้ได้ละกัน

 

10. โชคลาง ความเชื่อสูงกว่าตรรกะความเป็นจริง

ความเชื่อส่วนบุคคลถึงแม้จะเป็นเรื่องส่วนบุคคล ไม่เสียหาย ไม่ทำคนอื่นเดือดร้อน แต่การเชื่ออะไรมาก

ไปก็ส่งผลต่อการทำงานได้ เพราะจิตเราดันไปเชื่อมั่นกับสิ่ง ที่มองไม่เห็น แทนที่

 

จะโฟกัสที่สิ่งที่ทำอยู่ในปัจจุบันตามความเป็นจริง ไม่มีใครว่า คุณหรอกถ้าคุณจะนับถือองค์เทพอะไร

เชื่อในดวงแค่ไหน แต่ขอให้อยู่ในกรอบ ของความพอดีก็แล้วกัน

 

11. พ ย า ย า ม หาช่องทางซิกแซก

ทางลัดเป็นสิ่งที่ใครหลายคนชอบเพราะมันไม่ต้องเหนื่อยมาก ทางลัดที่เป็นวิธี ที่ไม่เอาเปรียบใคร

ไม่เบียดเบียนใครยังพอจะเรียกว่าเทคนิคได้ ยกเว้นการ พ ย า ย า ม หาช่องทางซิกแซ็ก

 

เช่น การหาช่องโหว่ทาง ก ฎ ห ม า ย, หั ว ห ม อ ในกฎของบริษัท โดยลืมนึกถึงผลกระทบ

แบบนี้เขาเรียกกว่า “เห็นแก่ตัว”เพื่อเซฟตัวเอง และ เซฟคนอื่น ควรทำให้ทุกอย่างโปร่งใส

 

ตรงไปตรงมา ตรวจสอบได้จะดีที่สุด ถึงบางอย่างจะเหนื่อยหน่อยที่หาทางลัดไม่ได้

แต่ผลลัพธ์มันก็น่าภูมิใจและ ใสสะอาดเสมอ

 

12. เต็มที่กับวันหยุดและสวัสดิการ มากกว่าวันทำงานและการทำหน้าที่

ถึงเวลาทำงานเมื่อใดก็แอบเข้าสายนิด ๆ ทำงานแบบเช้าชามเย็นชาม ทำงาน แบบผัดวันประกันพรุ่ง

ชะล่าใจว่าเดี๋ยวเงินเดือนก็ออก เดี๋ยวก็เลิกงานแล้ว แต่วันหยุดหรือเวลาเลิกงานกลับ

 

ร่าเริงเต็มที่ ดึกเท่าไหร่ไม่ว่าขอให้ได้สนุกไว้ก่อน ถ้าคุณใช้ชีวิตเต็มที่แบบ play hard, work hard

ไม่มีส่วนใดมากกว่า ส่วนใดเกินไป ปัญหางานค้างหรือเวลาพักผ่อนน้อยแทบจะไม่มีใน

 

ชีวิตเลย และไม่ต้องมาหัวเสียกับการบ่นแต่เรื่องงานซ้ำ ๆ เดิม ๆ อีกด้วย อย่าทะนงตัวว่าเราดีกว่าคนอื่นเสมอไป

ตราบใดที่เรายังต้องอยู่ร่วมกับคนอื่น เราก็เป็นเพียงแค่หน่วยหนึ่งในสังคม

 

อันกว้างใหญ่เท่านั้น โลกนี้ใครก็มีสิทธิ มีเสียงเท่ากันหมด แต่ใครจะมีคุณค่าเพียงใด

สำคัญที่การสร้างด้วยตัวเอง ไม่ใช่เสียงตอบรับจากคนอื่นเป็นหลัก

 

ขอบคุณที่มา : j e e b

Load More In ข้อคิด
Comments are closed.

Check Also

คำกล่าวเปิดงาน ใช้บ่อย เก็บไว้ฝึกให้ พูดคล่อง ๆ

1. งานเลี้ยงส่ง เรียน ท่าน (ประธานจัดงาน) และแขกผู้มีเก … …