1. แม่ต้อง ขิ้ เ กี ย จ ไม่เข้าไปช่วยลูกทำการบ้าน
มีคุณแม่ท่านหนึ่งเล่าประสบการณ์ว่า ตนเองไม่เคยไปสอนการบ้านให้ลูกชาย แม่จะเตื อ น ลูก
มากกว่าว่าเวลาไหนควรไปทำการบ้าน เมื่อทำเสร็จแล้วก็บอกแม่คำหนึ่งก็พอ ส่วนการตร ว จ
ว่าลูกชายทำถูกหรือไม่นั้นเป็นหน้าที่ของตัวเขาเอง หรือ ให้เรียนรู้ว่าถูก ผิ ด จากที่โรงเรียน
แม่มีหน้าที่เพียงเซ็นชื่อก็แค่นั้น
ในตอนแรกลูกชายไม่พอใจ โดยพูดว่า “แม่ของคนอื่นจะช่วยตร ว จ การบ้านให้ด้วย ทำไมแม่ ขิ้ เ กี ยจแบบนี้ล่ะ”
เลยตอบลูกชายไปว่า “ ไม่ใช่เพราะแม่ ขิ้ เ กี ย จ หรอก ลูกคิดดูนะ ถ้าแม่ช่วยลูกตร ว จ การบ้าน
แล้วลูกจะรู้ได้อย่ างไรว่าผิ ด ตรงไหน แล้วต่อไปลูกจะตร ว จ เองเป็นไหม
เมื่อไปสอบถ้าผิ ด ลูกจะรู้ไหมว่ามันผิ ด ตรงไหนบ้าง จำไว้นะว่าในตอนนั้นไม่มีใครสามารถมาช่วยลูก
ตร ว จ ได้ ลูกจะได้ฝึกการตร ว จ ความถูกต้อง และ เรียนรู้ด้วยตนเอง”
ในห้องเรียนลูกจะเจอบทเรียนก่อน และ จึงจะได้ทำข้อส อ บ แต่ในโลกแห่งความจริงลูกจะ
ได้เจอบททดสอบก่อนแล้วถึงจะได้บทเรียน นี่คือสิ่งที่ลูกต้องเรียนรู้ เธอสอนให้ลูกรู้จักพึ่งตนเอง
เมื่อเจอปัญหาก็ต้องคิดใคร่ครวญด้วยตัวเอง ถ้าคิดไม่ออกจริงๆค่อยขอคำแนะนำจากแม่ได้
ประสบการณ์ของครูพบว่า : “แม่ ขิ้ เ กี ยจ” ไม่เคยชี้นำลูกให้เรียนรู้ แต่ปล่อยให้ลูกทำอย่ างอิสระ
คิดอย่ างอิสระ แต่เธอก็ไม่ได้นิ่งนอนใจ เธอยังให้ความสนใจกับลูก และใช้วิ ธี
การที่ชาญฉลาดเพื่อช่วย เมื่อลูกมีปัญหา
มันสอนให้รู้ว่าผู้ปกครองควรที่จะปล่อยลูกของตนเองบ้างในเวลาอันสมควร ให้เขาได้เรียนรู้
และใช้ชีวิตของตนเองอย่ างเต็มที่ สิ่งที่ตัวอย่ างแม่ ๆ ทั้งหลายทำนั้น มันเป็นวิ ธีในการปลูกฝั ง
ลูกได้ดีมาก เพื่อให้เขาสามารถเติบโตได้ด้วยตัวเอง
2. แม่ต้อง ขิ้ เ กี ย จ ขยับมือ สอนให้ลูกเรียนรู้จักพึ่งพาตัวเอง
คุณแม่เจียเจียได้เล่าประสบการณ์ว่า เธอจะไม่เข้าไปช่วยลูกในสิ่งที่พวกเขาทำได้เอง เช่น
เมื่อห้องนอนของเจียเจียไม่เป็นระเบียบ แม่จะเตื อ น เจียเจียว่าควรจัดห้องยังไง
เพื่อให้เป็นระเบียบ และจะให้ลูกทำเอง
ในช่วงเปิดภาคเรียน คุณครูขอให้นักเรียนห่อปกหนังสือเรียนเล่มใหม่ของเทอมนี้ แต่เจียเจียทำไม่เป็น
แม่จึงสอนเจียเจียห่อเป็นตัวอย่ าง จากนั้นก็ปล่อยให้เจียเจียได้ทำเองทั้งหมด
เจียเจียไม่อย ากห่อเอง จึงไม่ยอมขยับมือ แม่ก็ไม่สนใจอะไรเธอ ได้แต่ยืนอยู่ข้างๆพร้อมชี้นิ้ว
บอกให้ทำ แต่ไม่เข้าไปช่วยห่อ ทำให้เจียเจียต้องนั่งห่อเองทั้งหมด แม่ของเจียเจียพูดว่า
“ความจริงถ้าฉันจะเข้าไปช่วยห่อจะประหยัดเวลาได้มากเลยล่ะ แต่เจียเจียจะไม่มีวันเรียนรู้
ที่ห่อปกหนังสือได้ด้วยตัวเอง ฉะนั้นนี่เป็นวิ ธีที่ดีที่สุดคือ ปล่อยให้เจียเจียห่อเอง ถึงจะห่อไม่เรียบร้อยก็เถอะ”
ประสบการณ์ของครูพบว่า : “แม่ ขิ้ เ กี ย จ” ไม่เคยขยันหมั่นเพียรในการช่วยลูก ในการทำสิ่งต่าง ๆ
แต่ให้ลูกได้พึ่งพาอาศัยตัวเอง ช่วยเหลือตัวเองได้ และไม่เฉยเมยต่อการฝึกฝน
คือการสร้างความรับผิ ด ชอบให้กับลูกได้เป็นอย่ างดี
3. แม่ต้อง ขิ้ เ กี ย จ บ่นหรือพูดมาก ให้ลูกเรียนรู้ที่จะเติบโตด้วยตัวเอง
พ่อแม่หลายคนชอบสร้างความคาดหวังในตัวลูกมากไป อย ากให้ลูกทำตามสิ่งที่ตัวเองต้องการ
เพราะคิดว่ามันเป็นสิ่งที่ดี แต่การทำเช่นนี้จะทำให้ลูกรู้สึกอึดอัด และกลายเป็นไม่อย ากฟัง
และทำเป็นหูทวนลม ไม่ใส่ใจกับสิ่งที่พ่อแม่พูดเลย
แต่มีครอบครัวหนึ่ง ที่กลับทำตรงกันข้ามเลย ในช่วงสุดสัปดาห์ ฮาวฮาวเล่ น เ ก ม
เป็นเวลานานมากและไม่ทำการบ้าน แม่จึงถามว่า “ลูกกะจะเล่น เ ก ม ถึงกี่โมง”
ฮาวฮาวตอบว่า : ขอเล่นอีก 10 นาทีนะแม่
แม่ตอบกลับไปว่า ได้ ต้องรั กษาคำพูดนะ
เมื่อผ่ านไป 10 นาที แม่ก็เดินกลับมาดูอีก ฮาวฮาวก็ยังคงนั่งเล่นอยู่ที่เดิม และแม่ โ ก ร ธ มาก
แต่ก็ต้องสงบสติ อ ารมณ์ และพูดอย่ างใจเย็นว่า “ปกติลูกเป็นคนรั กษาคำพูดไม่ใช่เหรอ”
ในตอนนั้นฮาวฮาวก็เริ่มรู้สึก ผิ ด จากนั้นก็เดินไปปิดสวิทช์และรีบไปทำการบ้าน
นั้นเป็นเพราะว่าก่อนหน้านั้น แม่ของฮาวฮาวเคยพูดหลายรอบเกี่ยวกับนิทานเรื่อง
“การเป็นคนน่าเชื่อถือ” และ นั้นก็ทำให้ฮาวฮาวค่อยซึมซับเข้าไป
ปกติแม่จะเป็นคนที่ให้ความสำคัญ ในเรื่องการอ่ านหนังสือเป็นอย่ างมาก จึงได้ซื้อนิทานสร้าง
แร งบันดาลใจให้อ่ านมากมาย และจากนิทานเหล่านี้ทำให้ฮาวฮาวเรียนรู้ที่จะนำมาใช้กับตัวเอง
เสริมสร้างนิสัยของตนเอง อดทน อดกลั้น ทำให้ตนเองเป็นคนที่มีคุณภาพยิ่งขึ้น
ประสบการณ์ของครูพบว่า : “แม่ ขิ้ เ กี ย จ” ไม่ขยันที่จะบ่นทั้งวันแต่ใช้เหตุผลในการพูดคุย
เพราะเธอรู้ดีว่าลูกไม่ช อ บ การบ่น แต่เธอขยันในการหาวิ ธีในการรับมือเพื่อปลูกฝั ง สิ่งที่ดีให้กับลูก
ขอบคุณที่มา : san-sabai