เทียนเล่มที่ 1 ได้เอ่ยว่า..
โลกเราเอาแต่แ ก่งแ ย่ ง ชิงดี ชิงเด่น กันไปมาผู้คนคิด
แต่จะเบียดเบียนกันไม่มีใครคิดจะปกป้องฉันเลย
ในฐานะที่ฉันเป็นเทียนแห่งสันติภาพ ก็คงต้องจากไปแล้ว
และแล้วเทียนเล่มที่ 1 ได้ ดับลง
เทียนเล่มที่ 2 ก็ได้เอ่ยว่า..
ฉันคือเทียนแห่งความเชื่อ.. คงหมดประโยชน์
ที่จะส่องสว่าง ต่อไปแล้วสินะ
คนไม่มีความเชื่อใจกันแม้แต่น้อย
จากนั้นสายลมได้พัดเทียน เล่มที่ 2 ดับลงไป
เทียนเล่มที่ 3 ได้เอ่ยว่า
และฉันคือเทียนแห่งความรักในทุ ก ๆ วันนี้
ผู้คนกลับเอารักออกไปจากใจ
ไม่มีความรักอันบริสุทธิ์ให้แ ก่กัน มีเพียงความเห็นแ ก่ตัว
ไม่มีใครเข้าใจความสำคัญของฉัน
ฉันก็คงไม่มีกำลังพอที่จะส่องสว่างต่อไป
และแล้วเทียนเล่มที่ 3 ก็ดับลง
แต่ยังไม่ทันที่เทียนเล่มที่ 4 จะได้เอ่ยเลย
ก็มีเด็ กน้อยเปิดประตูเข้ามาในห้อง
ได้เห็นเทียนทั้ง 3 เล่มดับลง
เด็ กน้อยก็ร้อ งให้
เทียนเล่มที่ 4 ก็ได้เอ่ยขึ้นว่า..
“อย่ าได้เสี ยใจไปเลย เพราะฉันเป็นเทียนแห่งความหวัง
และฉันยังส่องสว่างอยู่ หยิบฉันขึ้นมา แล้วจุดที่เทียนทั้ง 3 เล่มสิ”
เมื่อเด็ กน้อยนำเทียนแห่งความหวัง จุดไปที่เทียนทั้ง 3เล่มนั้น
เทียนแห่งสันติภาพ เทียนแห่งความเชื่อ
และเทียนแห่งความรัก ก็ได้สว่างขึ้นอีกครั้งนั่นเป็นเพราะความหวัง
ที่ทำให้ชีวิตยังมีความหมาย
เพราะความหวังทำให้คนที่ป่ วยไม่สบาย ยังสู้เพื่อมีชีวิตต่อไปได้
เพราะความหวัง ทำให้คนที่กำลังเผชิญกับปัญหา
มีกำลังใจยืนหยัด มั่นคงอยู่ได้ ดังนั้น.. เมื่อไหร่ก็ตามที่มีใครสักคน
เล่าความหวังให้ฟัง ขอให้รู้ว่านั่น.
อาจจะเป็นเสมือนเทียนเล่มสุดท้าย และมันอาจเป็นความหวัง
ที่มากไป กว่าเพื่อตัวของเค้าเอง
หน้าที่เรา ไม่ว่าเราจะช่วยได้หรือไม่นั้น อย่ าไปดับความหวัง
หรือความฝันคนอื่นเขา
จงช่วยกันรั กษาความหวังของทุ ก ๆ ไว้
เพราะนั่น มันอาจเป็นความหวังสุดท้ายของเขาก็เป็นได้
จงเป็นความหวังและกำลังใจให้แ ก่คนที่เรารัก
และบุคคลรอบข้าง
จงอย่ าได้ทำล ายความหวังของใครต่อใคร
เพราะมันอาจเป็นสิ่งเดียวที่เขามีอยู่
ขอบคุณที่มา : chayend