มีชายหนุ่มคนหนึ่ง.. เขาก็เป็นเศรษฐีด้วยลำแข้งของตัวเขาเอง เมื่อไม่นานมานี้
มารดาของเขาสิ้นบุญที่บ้านนอกเขาก็ได้ไปร่วมงาน ทั้ง ๆ ที่เขาไม่ชอบแม่เลย
เพราะแม่ของเขานั้น เอาแต่ “ขอเงิ น” อย่ างเดียว
เดือนไหนเขาไม่ได้ส่งเ งินเข้าบ้าน แม่เขาก็จะโทรมาแล้วก็พูดเสี ยงดังว่าเขา
เขาได้แต่พูดว่าเป็นแม่ที่ไม่เอาไหนจริง ๆ ยิ่งร วยมากเท่าไหร่ แม่เขาก็ยิ่ง
“ขอเงิ น” มากขึ้นเท่านั้น
แต่เมื่อกลับถึงบ้าน เขาก็ยังอดร้องไห้ไม่ได้เพราะ เขายังตะขิตตะขวงใจที่ไปทำงานไกล ๆ
ไม่เคยได้อยู่ดูแลคุณแม่ แม้จะเป็นแม่ที่ “เอาแต่เงิ น” เขาก็ยังอดรู้สึกติ ดค้างคุณแม่ไม่ได้
หลังงานศ พก่อนที่เขาจะกลับ พี่ใหญ่ของเขาได้ยื่นซองเล็ก ๆ ซองหนึ่งให้เขา
บอกว่าคุณแม่สั่งนักสั่งหนาว่าต้องมอบให้เขา เขาเปิดซองออกอย่ างระมัดระวั ง
ในนั้นมีสมุดเงิ นฝากธนาคารเล่มหนึ่ง และจดหมายฉบับหนึ่ง สมุดเงิ นฝากเป็นชื่อของเขา
มีเงิ นฝากหลายสิบล้านเลย ในจดหมายเขียนว่า..
“ลูกชายในบรรดาลูก ๆ ของแม่ คนที่ทำให้แม่กังวลมากที่สุดคือ ลูก !! ตั้งแต่เล็ก
ลูกไม่ขยันเรียนหนังสือสุรุ่ยสุร่ายแถมใจกว้างกับเพื่อนฝูง พอลูกจะขอมาสู้ในเมืองหลวง
แม่ก็กังวลเพียงว่าลูกจะต กระกำเป็นไ อ้จรจัด ดังนั้น
แม่จึงบังคับให้ลูกส่งเงิ นกลับมาให้แม่ทุ กเดือนเพื่อจะได้กระตุ้นให้ลูกไปหาเงิ นให้มากขึ้น
ในขณะเดียวกันก็เป็นการช่วยลูกเก็บเ งินอีกทางหนึ่งเงิ นที่ลูกให้แม่ แม่ไม่ได้ใช้แม้แต่แดงเดียว
พี่ชายของลูกดูแลแม่ดีอยู่แล้วตอนนี้ลูกเอาไปใช้ให้คุ้มเถิด”
พออ่ านจบ เขาทรุดลงบนพื้น ทรุดอยู่เช่นนั้นเป็นเวลานาน ๆ ถ้ายังมีพ่อแม่อยู่ ก็แค่ทำหน้าที่ลูกให้ดีที่สุด
อย่ าทำอะไรที่จะรู้สึกเสี ยใจภายหลังก็พอ ? หากลูกรักพ่อแม่ อย่ ากล่าวโท ษท่านใน 5 เรื่องนี้..
1. ไม่โท ษพ่อแม่ว่าจู้จี้จุกจิก
พ่อแม่เกิดมาก่อนเรา มีประสบการณ์มากกว่าเรา อย่ าตะค อกท่าน
เมื่อท่านจ้ำจี้จำไชให้กินข้าว ให้ใส่เสื้อผ้าหนา ๆ ให้ใส่หมวกกันน็อก
ให้กลับบ้านเร็ว ๆ ให้เก็บห้อง ฯลฯ เพราะคนที่รักเราจริงเท่านั้นที่จะจู้จี้ในเรื่องนี้กับเรา
พ่อแม่ไม่มีทางจู้จี้กับคนที่ไม่ใช่ลูกหลานของท่านแน่นอน หรือคุณว่าไม่จริง!
2. ไม่โท ษพ่อแม่ว่าไร้ความสามารถ
ไม่มีใครที่เก่งไปทุ กเรื่อง และไม่มีใครที่ทำทุ กเรื่องได้สมบูรณ์พ่อแม่คือผู้ให้ชีวิต
ทุ่มเทเลี้ยงดูเราจบเติบใหญ่ สิ่งนี้ไม่ใช่เรื่องง่ายเลย อย่ าต่อว่าพ่อแม่ว่า
“สู้พ่อแม่ของคนอื่นก็ไม่ได้” คำพูดนี้เมื่อพูดออกไป ต่อให้ม้าฝีเท้าไวก็วิ่งตามไป
เก็บกลับคืนมาไม่ทัน แล้วมันจะกลายเป็นตราบ าปในชีวิตคุณไปทั้งชีวิต
3. ไม่โท ษพ่อแม่ว่าชักช้า
ย ามพ่อแม่แ ก่เฒ่า อย่ าด่ าทอว่าท่านทำอะไรชักช้า หากเรายังไม่เคยเป็นพ่อแม่
เราไม่มีทางรู้เลยว่าคนเป็นพ่อแม่ต้องใช้ความรักความอดทนมากเพียงใด
ในการสอนให้เราเดินสอนให้เรากิน สอนให้เราอาบน้ำ สอนให้เรา..ฯลฯ
ย ามที่ท่านหนุ่มสาว ท่านทุ่มกำลังแรงกายเพื่อพวกเรามาบัดนี้
ร่ างกายจึงทรุดโทรม หากวันหนึ่งพ่อแม่แ ก่ชราลง กำลังวังชาเริ่มเสื่ อมถอย
จงจำไว้… “เห็นพ่อแม่ในวันนี้ ดุจเห็นตนเองในวันข้างหน้า” เรื่องกตัญญู ต้องรีบลงมือทำ
4. ไม่โท ษพ่อแม่ที่ท่านบ่นว่า
ที่พ่อแม่บ่นว่า ก็เพราะเราทำไม่ได้ดี ที่บ่นว่าไม่ใช่เพื่อตัวท่านเอง แต่เป็นเพราะเพื่อเรา
ไม่มีพ่อแม่คนไหนที่ไม่รักลูกของตนเอง ไม่มีพ่อแม่คนไหน
ที่ไม่อย ากให้ลูกเจริญก้าวหน้า ไม่มีพ่อแม่คนไหนที่ไม่อย ากให้ลูกของตนเป็น
อภิชาตบุตรที่เก่งกล้าสามารถ
5. ไม่โท ษพ่อแม่ย ามท่านป่ วยไ ข้..
ไม่ว่าพ่อแม่จะยุ่งเพียงไร จะดึกดื่นเพียงไหน จะฝนต กแดด ออกปานใด
พอเราเจ็ บไ ข้ท่านจะละทิ้งการงานในทันที ท่านจะพาเราไปหาหมอในทันที
ท่านจะหาวิ ธีเยียวย ารั กษาเราในทันที ย ามที่ท่านป่ วยไ ข้
เราทำเหมือนที่ท่านทำให้เราได้มากน้อยเท่าไหร่? หรือว่า..
เพราะพ่อแม่เจ็ บป่ วยนานวัน จึงทำให้ลูกไม่กตัญญูดูแลหรือ?
หรือเราจะเป็นจำนวนคนที่สังคมตราหน้าว่าเป็นลูกอกตัญญูเพิ่มขึ้นอีกคนหนึ่ง
พ่อแม่ให้กายสังข ารมา มิใช่ให้เรามาคอยกล่าวโท ษท่าน ในขณะที่เราโตขึ้น
พ่อแม่ก็เริ่มแ ก่ชราลง จวบจนลาโลก ลาลูกไปอย่ างไม่มีวันหวนกลับ
ไม่มีพ่อแม่ก็ไม่มีเรา
ขอบคุณที่มา : chayend