1. อ ย่ า พัง เพราะไม่รู้จักพอ
ตัณหา ที่มีปัญหา คือ ความโ ลภ ความอย ากที่เกินความพอดี เหมือนทะเล
ที่ไม่เคยอิ่มด้วยน้ำ ไฟที่ไม่เคยอิ่มด้วยเชื้อธรรมชาติของตัณหา คือ
ยิ่งเติม ยิ่งไม่เต็ม ทุ กอย่ างต้องดูคุณค่าที่แท้จริง ไม่ใช่คุณค่าเทียม
เช่น คุณค่าที่แท้จริงของนาฬิกา คืออะไร ..คือไว้ดูเวลา ไม่ใช่ใส่เพื่อความโก้หรู
คุณค่าที่แท้จริงของโทรศัพท์มือถือ คืออะไร ..คือไว้สื่อ ส า ร แต่องค์ประกอบอื่น
ที่เสริมมา ไม่ใช่คุณค่าที่แท้จริงของโทรศัพท์มือถือ
ดังนั้น เราต้องถามตัวเองว่า เกิดมาทำไม คุณค่าที่แท้จริงของการเกิดมาเป็นมนุษย์
อยู่ตรงไหน ตามหา “แ ก่น” ของชีวิต กันให้เจอ
2. อ ย่ าเป็นนักจับผิด
คนที่คอยจ้องแต่จะจับผิดผู้อื่น คือคนที่หลงตัวเองว่าเป็นคนดีกว่าคนอื่นมองไม่เห็น
ข้อบกพร่องของตนเอง กิเลสฟูท่วมหัว ยังไม่รู้สึกตัวอีก
คนที่ชอบจับผิด จิตใจจะหม่นหมอง หาความสุขไม่ได้ ฉะนั้น จงมองคน และมองโลก
ในแง่ดี แม้ในสิ่งที่เป็นทุ กข์ ถ้ามองเป็น ..ก็สุขได้
3. อ ย่ า มัวแต่คิดริษย า
แข่งกันดี ไม่ดีสักคน ผลัดกันดี ได้ดีทุ กคน.. คนเราต้องมีพรหมวิหาร 4
คือ เมตตา กรุณา มุทิตา อุเบกขา
คนที่เราริษย าเป็นการส่วนตัว มีชื่อว่า เจ้ากร รมนายเ วร ถ้าเขาสุข เราจะทุ กข์
ฉะนั้น เราต้องถอดถอนความริษย าออกจากใจเรา
เพราะไฟริษย า เป็นไฟสุมขอน (ไฟเย็น) เราริษย า 1 คน เราก็มีทุ กข์ 1 ก้อน
เราสามารถถอดถอนความริษย าออกจากใจเราได้ ด้วยการแผ่แมตตา
4. อ ย่ า เสี ยเวลากับความหลัง
90 เปอร์เซ็นของคนที่มีความทุ กข์ เกิดจากการย้ำคิดย้ำทำ ปล่อยไม่ลง ปลงไม่เป็น
คนที่สลัดคราบความหลังไม่ออก เหมือนเดินขึ้นเขา
แล้วแบกสัมภาระต่าง ๆ มากมายขึ้นไปด้วยความทุ กข์ที่เกิดขึ้นมาแล้ว จงปล่อยมันไปซะ
“อย่ าปล่อยให้คมมี ดแห่งอดีต มากรีดปัจจุบัน”
ต้องอยู่กับปัจจุบันให้เป็น ให้กายอยู่กับจิต จิตอยู่กับกาย
คือ มีสติกำกับตลอดเวลา
ขอบคุณที่มา : f e e l i n g d d