หน้าตลาดแห่งหนึ่ง ในช่วงเวลาที่ผู้คนกำลังเดินจับจ่ายตลาดกันอย่ างขวักไขว่
ขอทานคนหนึ่งที่นั่งอยู่ประจำที่ตลาด ก็บ่นกับตัวเอง
ขอทาน : ทำไมพ่อแม่ไม่ให้อะไรฉันเลยนะ บ้านก็ไม่มีอยู่เหมือนคนอื่น
เงิ นก็ไม่มีจะซื้อข้าวกิน งานก็ไม่มีทำอีก
ทำไมฉันถึงเกิดมาโ ชคร้ ายแบบนี้ ชีวิตนี้ไม่มีอะไรกับเขาเลย
บังเอิญมีเศรษฐีคนหนึ่งเดินผ่ านมาได้ยินที่ขอทาน
กำลังตัดพ้อชีวิตอยู่ จึงเอ่ยขึ้นว่า
เศรษฐี : ถ้าอย่ างนั้น เอางี้ ขายแขนให้ฉันสิ ฉันให้ข้างละ 10 ล้าน
ขอทาน : ตลกหรอคุณ มีเงิ นแต่ไม่มีแขน แล้วจะไปหยิบจับทำอะไรได้ล่ะ
เศรษฐี : งั้นขาข้างละ 10 ล้าน เอาไหม?
ขอทาน : แบบนั้นยิ่งไปกันใหญ่ ไม่มีขาแล้วจะเดินไปไหนมาไหนได้ยังไง
ลำบากแ ย่เลยแบบนั้น
เศรษฐี : อ่ะ งั้นเป็นด วงตาก็ได้ ให้คู่ละ 20 ล้านไปเลย
ขอทาน : ไม่ ไม่ขายอะไรให้ทั้งนั้นแหละ ร่ างกายถ้าข าดหายไปสักส่วน
ก็ใช้ชีวิตลำบากหมดแหละ จะไปทำอะไรได้ล่ะ
เศรษฐี : อ้าว อะไรก็ไม่ขายสักอย่ าง แล้วยังมาบอกว่าพ่อแม่
ไม่เคยให้อะไรตัวเองเลยสักอย่ าง
หมายความว่ายังไง นี่ถ้ายอมขายร่ างกายสักส่วนก็มีเ งินเป็น 10 ล้าน
หรือจะขายหลายอย่ างก็เป็นเศรษฐีไปแล้วใคร ๆ
เขาก็เกิดมามีอวั ยวะเท่ากันทั้งนั้นแหละ
บางคนมีไม่ครบด้วยซ้ำ แต่เขาก็ยังไม่ยอมแพ้
ทำงานสู้ชีวิตเลี้ยงชีพตัวเอง แต่นี่มีครบทุ กอย่ าง
แต่ไม่รู้จักใช้มันให้เป็นประโยชน์
มีขาแต่ไม่รู้จักก้าวเดินมีสม องแต่ไม่รู้จักคิด
ที่ชีวิตของคุณไม่มีอะไรนั่นเพราะตัวคุณเอง
อย่ าไปโ ทษพ่อแม่
เมื่อได้ฟังดังนั้น ขอทานก็ได้เข้าใจและไหว้
ขอบคุณเศรษฐีที่ให้ทางสว่างกับชีวิต
จากนั้นขอทานจึงได้ทำตัวเองใหม่
แล้วออกไปหางานทำเพื่อเลี้ยงตัวเอง
หลายคนอาจจะกำลังมีความคิดแบบขอทานคนนี้
อยู่ก็เป็นได้ แต่คุณเคยคิดบ้างไหม
ว่าสิ่งที่คุณได้จากพ่อแม่มา มันน้อยนิดสำหรับคุณ
“แต่มันอาจจะเป็นทั้งหมดที่พวกท่านมีก็ได้”
ขอบคุณที่มา : bitcoretech