เวลาผ่ านไปอย่ างรวดเร็ว แค่พริบตาเดียว วัยเย าว์ก็ผ่ านไป ไม่ว่าคุณจะอายุเท่าไหร่
เมื่อมองย้อนกลับไปก็รู้สึกเสี ยดาย แค่พริบตาเดียว เวลาก็ผ่ านไปอย่ างรวดเร็ว
ไม่สามารถย้อนกลับมาได้อีกโดยเฉพาะเมื่ออายุขึ้นเลข 6 เลข 7 แล้ว จะรู้สึกตัวเองแ ก่แล้ว
ทั้ง ๆ ที่เรื่องราวตอนหนุ่ม ๆ สาว ๆ ยังคงสดใสชัดเจน แต่ในวันนี้กลับสัมผัสได้ถึงเส้นผม
ที่เปลี่ยนเป็นสีขาว
เมื่อคิดถึงเรื่องราวต่าง ๆ ที่ผ่ านไป ทุ กอย่ าง กลายเป็นอดีตไปแล้ว เมื่อไหร่ที่พวกเราจะ
สามารถโบกมือสวย ๆแล้วบอกว่า “คุ้มค่าแล้วชีวิตนี้”
ครึ่งแรกของชีวิตไม่ง่ายเลยแต่เมื่อวิเค ราะห์ในตอนสุดท้าย การเลือกและตัดสินใจ ที่
ผิ ดพลาดมากเกินไปนั้น เป็นแค่สิ่งธรรมดา
ส่วนชีวิตในครึ่งหลังที่เหลือจะเป็นอย่ างไร ขึ้นอยู่กับแนวความคิด และวิ ธีที่คุณเผชิญโลกและชีวิต
เมื่ออายุเข้าสู่เลข 6 เลข 7 แล้ว ต้องจำ 5 ประโยคนี้ให้ขึ้นใจ เพื่อจะได้ไม่แ ก่ไปอย่ างไร้ประโยชน์
ประโยคที่ 1 : ชีวิตครึ่งแรกไม่ง่าย ชีวิตครึ่งหลังที่เหลือดีกับตัวเองหน่อย
คนเราในยุคนี้ ส่วนใหญ่ใช้ชีวิตอย่ างย ากลำบากตอนอายุยังน้อยก็ทำงานหนักเพื่อลูก เพื่อครอบครัว
น้อยนักที่จะดูแลตัวเอง ตอนนั้นคุณภาพชีวิต ก็ไม่ดีนัก เพื่อจะทำให้ครอบครัวมีชีวิตที่ดี
พวกเราต้องทุ่มเทอย่ างหนักแต่ดูเหมือนจะมีแค่ตัวเองที่รู้ถึงวันนี้ ใช้ชีวิตมาครึ่งร้อยแล้วเป็นเวลา
ที่ต้องใช้ชีวิต เพื่อตัวเองบ้างชีวิตครึ่งแรกไม่ง่ายชีวิตครึ่งหลังที่เหลือดีกับตัวเองหน่อย
อย่ าเอาแต่กังวลใจกับลูก ต้องเรียนรู้ที่จะ “ปล่อยวาง” ใช้ชีวิตบั้นปลายของตัวเอง
ประโยคที่ 2 : คิดถึงอดีต ไม่สู้ทะนุถนอมปัจจุบัน การใช้ชีวิตอยู่กับปัจจุบันคือการใช้ชีวิตที่ดีที่สุด
ไม่ว่าอดีตจะเป็นอย่ างไร มีเรื่องที่เสี ยใจก็ดี ผิ ดพลาดก็ดี ต้องเรียนรู้ที่จะปล่อยวาง
อดีตยังไงก็คืออดีต บนโลกใบนี้ มีเรื่องมากมายที่ทำให้เราเสี ยใจ
เรื่องมากมายที่เป็นไปไม่ได้ แทนที่จะแบกไว้ ไม่สู้ปล่อยวางมีแค่วิ ธีนี้เท่านั้น ถึงจะเป็นจุดจบ
ที่ดีที่สุดปล่อยวางสิ่งที่ผ่ านมา ใช้ชีวิตอยู่กับปัจจุบัน ถึงจะเป็น “วิ ธีการใช้ชีวิต” ที่ดีที่สุด
ประโยคที่ 3 : มีวินัยในตัวเอง ออกกำลังกาย ชีวิตที่เหลือต้อง “แข็งแรง”
ร่ างกายเป็นต้นทุนของการทำทุ กอย่ าง ยิ่งอายุมาก ก็จะยิ่งเข้าใจความหมายที่ลึกซึ้ง
ของประโยคนี้ถ้าร่ างกายไม่แข็งแรง ทุ กอย่ างก็กลายเป็นศูนย์ สำหรับคนที่อายุขึ้นเลข 6 แล้ว
การรั กษาวินัยในตนเองและการออกกำลังกายอย่ างจริงจังเป็นสิ่งสำคัญยิ่งในชีวิตชีวิต
ในครึ่งหลังต้องมุ่งมั่นเพื่อ “สุ ขภาพ” ถ้าไม่มีสุ ขภาพที่ดี ต่อให้ทิวทัศน์สวยงามแค่ไหน
คุณก็ไม่สามารถดื่มด่ำกับมันได้
ประโยคที่ 4 : ชีวิต ก็คือกระจก คุณยิ้มให้มัน มันก็จะยิ้มตอบคุณ “ทัศนคติ”
ในครึ่งหลังของชีวิตต้องดี คนเราในชีวิตนี้ ต่างใช้ชีวิตด้วย “อ ารมณ์” คนที่ทัศนคติไม่ดี
ต่อให้ชีวิตสวยงามแค่ไหน ลูกหลานดีกตัญญูยังไง ก็ย ากจะสัมผัสได้
จริง ๆ แล้ว ชีวิต ก็เหมือนกระจก คุณยิ้มให้มัน มันก็จะยิ้มตอบคุณ คุณร้องไห้ให้มัน
มันก็จะร้องไห้กับคุณ มีแค่ทัศนคติที่ดี ถึงจะทำให้คุณมองโลกในแง่ดี ชีวิต ก็จะดีราบรื่นสบายใจ
ประโยคที่ 5 : อย่ ารบกวนลูก ๆ อย่ า “ควบคุม”
ชีวิตพวกเขามากเกินไปใช้ชีวิตของตัวเอง หลาย ๆ คน พอลูก ๆ แต่งงาน ก็ยังไม่สบายใจ
รู้สึกว่าตัวเองถูกต้องตลอดเวลาชอบที่จะไปกะเกณฑ์ชีวิตของพวกเขา
ไม่ว่าพวกเขาจะต้องการหรือไม่ใช้คำพูดว่า “เพื่อลูก” รบกวนชีวิตพวกเขาอย่ างไร้ขีดจำกัด
จริง ๆ แล้ว สำหรับลูก ๆ แล้ว มันคือ “ภาระ” คนแต่ละรุ่นมีไลฟ์สไตล์ของตัวเอง คนเป็นพ่อแม่
อย่ าไปควบคุมกะเกณฑ์ชีวิตของลูกมากเกินไป
อะไรที่ช่วยได้ก็ช่วย ช่วยไม่ได้ก็ปล่อยให้พวกเขาจัดการเอง สำหรับพวกเราแล้ว สิ่งที่สำคัญที่สุด
คือใช้ชีวิตของตัวเองให้ดี คนเราบนโลกนี้มีสภาพอ ารมณ์มากเกินไป ไล่ตามไม่ทันรั กษาไว้ไม่ได้
ปล่อยวางไม่ลง
คนเรามักจะหลงทางในโลก ลืมความเป็นตัวเองและลืมความงดงามของทิวทัศน์รอบ ๆ เส้นทาง
คนเราจะใช้ชีวิตอย่ างไม่สับสน ควรจะเก็บ “คำแนะนำ” เหล่านี้ไว้ในใจ
จับไว้ได้ ปล่อยวางได้ ไม่โอดครวญ ไม่โลภ ไม่หวังสูงเกินไป ไม่ตำหนิตัวเอง
ใช้ชีวิต กับปัจจุบัน เหยี ยบย่ างไปทุ กก้าวด้วยความมั่นคง ทุ ก ๆ วัน เต็มไปด้วยสีสัน
ชีวิตแบบนี้ ถึงจะคู่ควรกับการมีชีวิต
ขอบคุณที่มา : verrysmilejung