1. ขบกั ดสะบัดเขี้ยว
มีนิสัยชอบจับผิดคนอื่น แล้วก็วิพากษ์วิ จารณ์ออกมาตรง ๆ
หรือเก็บเอาไปนินทาลับหลัง
ถึงแม้ว่าคุณจะรู้จริงแล้วอดวิ จารณ์ออกมามาได้
หรือว่าวิ จารณ์เพราะคุณขี้อิ จฉามีป มด้อยให้ใครดีใครเด่นไม่ได้
ต้องหาเหตุมาตำหนิติเตียนจนได้ แน่ล่ะ! คนที่ฟังคุณอยู่ก็ย่อ ม
เอิ๊กอ๊ากสะอกสะใจไปด้วย
แต่แล้วพวกที่ฟังนั้นแหละจะค่อย ๆ ขย าดปากคุณ
ไม่อย ากจะคบด้วยเพราะเกรงว่าจะถูกคุณเก็บไปเป็นเห ยื่อลับหลังไงคะ
2. เคร่งเ ค รี ย ดซีเรียสจัด
ขอให้เชื่อเถอะว่าคนที่มีอ ารมณ์ขันสามารถทำให้คนอื่นหัวเราะไปได้น่ะ
ใคร ๆ ก็อย ากเข้าวง แล้วคุณล่ะเคยเล่าเรื่องสนุก ๆ
กุ๊กกิ๊กให้เพื่อนคิกคักบ้ างหรือเปล่าก็ไม่ต้องถึงกับขำก๊ากเป็นตลกคาเฟ่หรอก
แค่ให้ยิ้มหัวกันได้ก็เป็นเส น่ห์แล้ว
แต่ถ้าอยู่ในที่ทำงาน คุณก็หน้าเ ค รี ย ดวางท่าเอางานเอาการซะเต็มประดา
พอเลิกงานคุณก็ยังวางหน้าอย่ างนั้นอีก เฉยชามึนตึง
ไม่รู้ที่เล่นทีจริงใครทักก็พูดด้วยอย่ างแกน ๆ ไม่มีมนุษย์สัม พันธ์ ฯลฯ
ลองเป็นแบบนี้ก็ไม่นานหรอกใคร ๆ จะตีกรรเชียงออกห่างจากคุณ
เพราะหาความรื่นรมย์ไม่เจอเลยสักกระติ๊ด…เซ็งค่ะ
3. ช่างติแถมขี้บ่น
นี่ก็เป็นคนอีกประเภทหนึ่งที่ ทำ ล า ยเส น่ห์ของตัวเองให้เ หื อ ดหาย
ไปได้อย่ างชะงัดดีนักซึ่งโ ทษใครไม่ได้นอกจากตัวเอง
เพราะไม่มีใครเขาจ้างวานใช้เลยสักนิกเดียว
แต่เกิดขึ้นเพราะตัวเราเอง “จิ ตไม่ว่าง” แถม “ผ ีเจาะปาก” มาให้พูด
คนประเภทนี้เห็นอะไรนิดหน่อยก็สามารถติได้เป็นคุ้งเป็นแคว
เรียกว่าอะไรผ่ านเข้ามาในสายเป็นจับมาเป็นข้อติฉินได้หมด
จะมีมูลความจริงหรือเปล่า สมเหตุสมผลหรือไม่ ไม่สนใจ
ขอให้ได้ติได้ประเมินค่าในขั้นต่ำหรือในแง่ลบไว้ก่อนเป็นพอใจ
อีกพวกหนึ่งเป็นพวกที่ไม่ติอะไรตรง ๆ หรือรุ่นแรง แต่ชอบบ่น
บ่นได้ส า รพัดเรื่อง ขี้ ห มู ร า ขี้ ห ม า แ ห้ ง ฝนต กก็บ่นหยุดก็บ่นอีก
เช่น เดินเข้าไปในกลุ่มเพื่อน ๆ ที่เขากำลังคุยกันเพลิน ๆ
เรื่องอะไรอยู่ก็ไม่สนใจแล้วเปิดปากบ่นเรื่องรถติ ดทำให้มาช้าเป็นวรรคเป็นเ วร
แล้วก็บ่นต่อเรื่องแอร์ในห้องทำไมไม่ค่อยเย็น… โอ๊ย!
ส า รพัดจะหยิบยกขึ้น มาบ่น แล้วเพื่อนหน้าไหนล่ะคะจะทนฟัง
คนอย่ างนี้แหละที่เพื่อนจะหายหน้าไปทีละคนสองคนจนหมดเพื่อน
ถ้ามีสามี…สามีอาจจะขอปลีกวิเวกไปนั่งวิปัสสนาในคาราโอเกะก็ได้
สบายหูกว่าฟังเสี ยงบ่นเยอะเลย
4. ชอบจุ้นจ้านสั่งสอน
พวกนี้น่าจะไปเป็นอาจารย์แนะแนวหรือคุมห้องปฎิบัติการซะให้รู้แล้วรู้รอด
เพราะไปที่ไหนก็อดไม่ได้ที่จะแนะนำสั่งสอนเช่น ไปบ้ านเพื่อนก็เล็งแลไปทั่วห้องรับแขก
แล้วก็แนะเชียวว่าม่านหน้าต่างไม่เหมาะยังไง โต๊ะรับแขกตั้งมุมนี้ไม่เหมาะ
ตู้โชว์ใบนั้นก็ไม่เข้ากับเครื่องลายครามที่อยู่ในตู้ ฯลฯ ต้องยังงั้นยังงี้ถึงจะถูกต้อง
บางทีแนะไปถึงเรื่องอาชีพของสามี เพื่อน และการเรียนของลูกเพื่อนด้วยกันอีกแน่ะ
ว่าควรทำไ อ้โน่นจะรว ยเร็วกว่า หรือว่าเรียนไ อ้นี่จะหางานทำง่ายกว่า
ชะดีชะร้า ยกับสั่งสอนเพื่อนผู้เป็นเจ้าของบ้ านว่า เธอต้องอ้ ว นกว่านี้
อีกนิดหรือผอ มกว่านี้อีกสักหน่อย
ไม่งั้นฝาละมีเธอไป มีเมียน้อยแน่ ๆ เฮ้อ…อีแบบนี้ใครอย ากจะเปิดประตู
ต้อนรับในคราวต่อไปอีกละคะ…ถามตรง ๆ เถอะ
5. ถ้าคุณยังทำอย่ างนี้กับหลาย ๆ คน
อีกหน่อยคุณก็จะกลายเป็นคนที่ถูกเมินเหมือนกัน
ในเมื่อคุณไม่เห็นความสำคัญของคนอื่นได้
คนอื่นเขาก็คิดและทำอย่ างคุณเป็นเหมือนกัน…
เกลือจิ้มเกลือว่างั้นเถอะ
6. ไม่เห็นความสำคัญของใคร
คติเก่า ๆ ที่ยังขลังอยู่เสมอคือ ถ้าอย ากให้เขารักคุณ คุณก็ต้องรักเขาก่อน
เป็นจิ ตวิทย าขั้นพื้นฐานเลยทีเดียว…หากคุณต้องการเป็นที่รักของใคร
คุณก็ต้องรู้จักเป็นผู้ฟังที่ดีในขณะที่เขาพูด แสดงความสนใจในสิ่งที่เขาพูดเล่า
ถ้าเสริมคำถามที่เหมาะเจาะได้ด้วยยิ่งดี
แต่ถ้าขณะที่เขาพูดอยู่นั่นคุณทำเป็นเมินเฉย
ไม่ใส่ใจที่จะฟังหรือเมิน มองไปทางอื่น
ทำเหมือนกับว่าที่เขาพูดอยู่นั้นเป็นเสี ยงนกแก้วนกขุนท อง
ไม่เห็นจะน่าสนใจเลย
ขอบคุณที่มา : yimlamun