1. คิดให้นานก่อนซื้อของ
การซื้อของอะไร ที่เป็นสิ่งฟุ่มเฟื่อย เช่น เสื้อผ้า กระเป๋า นาฬิกา เป็นต้นหากคุณ
ปล่อยตัวปล่อยใจไปตามอ ารมณ์เงิ นเก็บของคุณก็จะหมดไป กับสิ่งของเหล่านี้
อย่ าว่าแต่เงิ นเก็บเลย เงิ นที่จะนำไปใช้จ่ายรายวันก็ไม่เหลือเช่นกัน
แต่จะทำอย่ างไรล่ะ เมื่ออย ากได้ของฟุ่มเฟือยเหล่านั้นมาครอบครอง?
หลายคนหันไปพึ่งพาบัตรเครดิตและก่อให้เกิดปัญหา ห นี้สินตามมาเพราะว่า
ไม่มีเ งินมากพอที่จะไปชำระบิล
บัตรเครดิตเต็มจำนวน ต้องเลือกจ่ายเพียงขั้นต่ำก่อให้เกิดด อกเบี้ย พอกพูนมากขึ้น
ไปเรื่อย ๆ ไม่รู้จบดังที่คนส่วนใหญ่ในประเทศไทย กำลังมีปัญหาอยู่ในปัจจุบันนั่นเอง
2. เปลี่ยนนิสัยการใช้เ งิน
จากตัวอย่ างในข้อที่แล้ว ทำให้หลายคนอาจจะบ่นว่า เงิ นแค่วันละ 200 บาทจะ
ไปพอใช้จ่ายแต่ละวันได้อย่ างไรเราขอบอกว่าพอใช้จ่ายแน่นอนค่ะหากคุณเปลี่ยน
นิสัยการใช้เ งิน ให้เพียงพอกับจำนวนเงิ นต่อวัน
ตัวอย่ างเช่น งดทานกาแฟสดราคาแก้วละหลายสิบบาท ไปทานกาแฟชงที่ออฟฟิศ
มีบริการฟรีแม้ว่าจะต้องเสี ยแรงชงเองแต่คุณไม่เสี ยเงิ นเลยแม้แต่บาทเดียว
มีเ งินเหลือไปใช้จ่ายอย่ างอื่น
ในแต่ละวันได้อีก หรืออีกทางหนึ่งที่เหมาะกับครอบครัวที่ทำอาหารทานเองที่บ้าน
อยู่เป็นประจำคือห่อกล่องข้าวกลางวันไปทานที่ทำงาน ก็ช่วยประหยัดเงิ นรายวัน
ของคุณไปได้อีกหลายบาทเลยทีเดียว
3. หาลำไพ่พิเศษ
สำหรับผู้ที่มีเ งินเดือนน้อย แต่ อย ากมีเ งินเก็บมากกว่าตัวอย่ างที่เราแนะนำไปข้างต้นคุณ
อาจจะลองหารายได้เสริมเพื่อเพิ่มรายได้ให้กับตัวเอง ซึ่งในปัจจุบันนี้การหารายได้เสริม
นั้นง่ายแสนง่าย เช่น หากคุณมีความรู้ด้านภาษาคุณ
สามารถรับแปลเอกส ารต่าง ๆ ได้หรือหากคุณมีความสามารถ ด้านการขาย คุณอาจจะหาสินค้า
มาขายทางออนไลน์โดยอาจจะเริ่มต้นที่ของเก่าภายในบ้าน มาขายมือสองเมื่อเริ่มมีกำไร
ก็นำไปต่อทุนขย ายกิจการต่อไป
หรือหากมีความสามารถในการประดิษฐ์ของแฮนด์เมด
ก็สามารถทำมาขายได้เช่นกัน
4. จดบันทึกทุ กรายรับและรายจ่าย
เมื่อเปลี่ยนความคิดและมีความมุ่งมั่น ที่จะเก็บเงิ นได้แล้ว สิ่งต่อมาที่คุณต้องทำคือการจดบันทึก
ทุ กรายรับและรายจ่ายของคุณ ตั้งแต่ยอดเงิ นเดือน สุทธิที่ได้รับ ไปยันค่าขนมซองละ 10 บาท
ที่คุณซื้อ
รวมไปถึงภาระห นี้สินและค่าใช้จ่ายจำเป็น เช่น ค่าน้ำไฟ ค่าโทรศัพท์
ค่าบัตรโดยส ารรถไฟฟ้า เป็นต้น
ลงไป วิ ธีนี้จะทำให้คุณรู้ว่า คุณมีค่าใช้จ่ายในแต่ละเดือนเท่าไหร่ มีรายจ่ายอันไหน
ที่เป็นรายจ่ายจำเป็นต้องจ่ายทุ กเดือน รายจ่ายไหนที่ไม่จำเป็นและคุณสามารถตัดมันออกไปได้
5. เปลี่ยนความคิดเรื่อง เงิ นเดือนน้อย
การมีเงิ นเดือนน้อย ไม่ใช่อุปสรรคในการเก็บออม แต่ความคิดที่ว่า “มีเงิ นเดือนน้อยจะเก็บเ งิน
ได้อย่ างไรแค่ใช้จ่ายก็แทบจะไม่พอ ในแต่ละเดือนแล้ว” นี้ต่างหากเล่า ที่เป็นอุปสรรค
ในการเก็บเ งิน
ความคิดนี้ตัดกำลังคุณทั้ง ๆ ที่คุณยังไม่ทันได้ลองเริ่มต้นเก็บเงิ นเลยด้วยซ้ำ ดังนั้น ก้าวแรก
ในการเก็บเ งินคือการเปลี่ยนวิ ธีคิดของคุณ ให้ได้ก่อนและมีความมุ่งมั้นว่าจะต้องเก็บเงิ นให้ได้
ไม่ว่าจะมีรายได้มากน้อยแค่ไหนก็ตาม
6. ออมก่อนค่อยใช้
สิ่งหนึ่งที่เชื่อว่าหลาย คนคงเคยได้ยินมามากแล้วว่า “การเก็บออมเ งินที่ได้ผลที่สุดคือการเก็บออม
ก่อนค่อยนำเงิ นที่เหลือไปใช้จ่าย”ซึ่งเป็นเรื่องที่หลายคนทำใจ ย าก ที่จะทำแต่ในเมื่อมุ่งมั่น
ที่จะเก็บเงิ นแล้ว ยังไงก็ต้องทำได้แน่นอน จากการจดบันทึกรายรับรายจ่าย
ข้อที่แล้วซึ่งช่วยทำให้คุณรู้คร่าว ๆ แล้วว่าคุณมีค่าใช้จ่ายจำเป็นต่อเดือนเท่าไหร่มีเ งินเหลือใช้จ่าย
เท่าไหร่ สามารถเก็บเงิ นได้เท่าไหร่ทำให้เมื่อคุณได้รับเงิ นเดือนมาคุณสามารถเก็บเ งินเอาไว้ก่อน
ได้ทันทีซึ่งเงิ นออมนี้ไม่จำเป็นต้องแบ่งเก็บเอาไว้มากมาย
ถ้าคุณมีรายได้น้อยก็เก็บออมน้อยมีมากก็ค่อยเก็บออมมาก ตัวอย่ างเช่น คุณมีเงิ นเดือน 15,000 บาท
ออมเงิ นทันทีเมื่อได้รับเ งินเดือน 1,000 บาท หักค่าใช้จ่ายจำเป็นต่อเดือน 7,000 บาทเหลือเงิ น
ใช้จ่าย 7,000 บาท ก็ถือว่าคุณยังสามารถ
ใช้ชีวิตทั้งเดือนได้แบบสบาย ๆ โดยไม่ลำบากมากนัก หากคำนวนเป็นรายวัน ก็จะอยู่ที่ 7,000 ÷ 30 = 233.33 บาท
โดยคุณอาจจะปัดเศษค่าใช้จ่ายรายวันเป็นวันละ 200 บาท เพื่อให้ง่ายต่อการจัดสรรเงิ นแต่ละวัน
(หรือง่ายต่อการกดเ งินจาก ATM นั่นเอง)
ส่วนเศษ 33.33 บาทในแต่ละวันนั้น ก็หักเป็นเงิ นเก็บไปจะได้ถึง 33 x 30 = 990 บาท ต่อเดือนดังนั้นจึงสรุปได้ว่า
ในหนึ่งเดือนคุณจะมีเ งินเก็บ 1,990 บาทในหนึ่งปีคุณจะมีเงิ นเก็บมากถึง 23,880 บาท ถือเป็นเ งิน
จำนวนไม่น้อยเลยนะคะ
7. มีเป้าหมายในการเก็บเ งิน
การเก็บออมเงิ นเฉย ๆ อาจจะทำให้คุณ ไม่มีแรงจูงใจในการเก็บออมเ งิน ดังนั้นการเก็บเงิ น
ของคุณจึงล้ มเหลวไม่เคยเก็บอะไรได้เสี ยที ดังนั้น ลองตั้งเป้าหมายในการเก็บออมเ งิน
ของคุณดูสิ อาจจะเริ่มจากสิ่งเล็ก ๆ ก่อน
เช่น อย ากจะเก็บเ งินเพื่อซื้อท องสัก 1 บาท ราคาประมาณ 25,000 บาท
เพื่อเก็บเอาไว้เก็งกำไร เป็นต้น
เมื่อคุณมีเป้าหมาย ก็จะทำให้คุณมีแรงจูงใจในการเก็บเงิ นมากขึ้นและเมื่อคุณบรรลุเป้าหมายเล็ก ๆ
ได้ก็จะทำให้คุณมีความภูมิใจและสามารถเก็บเงิ นก้อนใหญ่ กว่าเดิมได้ง่ายมากขึ้นนั่นเอง
ขอบคุณที่มา : 108resources