1. ห นี้สำคัญจ่ายก่อน
โดยเฉพาะห นี้ผ่อนบ้านผ่อนรถ เพราะส่วนห นี้บั ตรเครดิตหรือห นี้สินเชื่ อ
ส่วนบุคคลนั้นให้จ่ายเท่าที่จ่ายได้ โดยเลือกจ่ายห นี้ที่ด อกเบี้ยสูง ๆ
ก่อนและติ ดต่อขอประนอมห นี้และควรติ ดต่อเจ้าห นี้ตลอด อย่ าคิดหนี
เพราะเดี๋ยวจะมีปัญหาตามมา
2. เรียนรู้วิ ธีแก้ปัญหา
นั่นก็คือการจ่ายขั้นต่ำ เพื่อรั กษาบัญชี รั กษาเครดิตเอาไว้ เพราะวิ ธีนี้มันจะเหมาะ
กับผู้ที่มีห นี้ไม่เยอะ และอาจจะมีห นี้เพียง 2-3 บัญชีเท่านั้น เราแนะนำให้จ่ายขั้นต่ำ
ตามใบเรียกเก็บหรืออาจจะจ่ายให้มากกว่า ขั้นต่ำสักเล็กน้อยก็ได้ และมีวินัยในการ
ผ่อนชำระด้วยนะถ้าหมดภาระห นี้แล้ว สิ่งที่ต้องทำเลยคือ ไม่ควรก่อห นี้ใหม่เพิ่ม
เพราะมันจะกลายเป็นห นี้ไม่หมดสิ้น
มีแต่จะเพิ่ม ขายทรัพย์สินที่ขายได้ออกไป เพื่อนำมาปิดห นี้ให้ได้ ถ้ามีห นี้สินมาก
ให้เลือกปิดทีละรายการ ที่มันจะสามารถปิดห นี้ได้ เพื่อให้เหลือ จำนวนเจ้าห นี้น้อยที่สุด
แต่ในทางกลับกันถ้าไม่สามารถทำได้ ไม่มีทรั พย์สินที่สามารถขายเพื่อปลดห นี้ได้
แล้วต่อไปก็จะเข้าสู่กระบวนการของศ าลในระหว่างนี้ แนะนำให้เก็บเงิ นให้มากที่สุด
อย่ าได้ใจกับเงิ นที่มี เพราะต้องเตรียมสะสมเ งิน เพื่อเคลียร์ห นี้สินทีมีออกไปให้หมด
3. หาช่องทางสร้างรายได้เพิ่ม
ที่จริงนั้นเมื่อเงิ นหมดก็ต้องหาเพิ่ม ใครที่เป็นห นี้เงิ นติ ดลบ ก็ต้องสำรวจตัวเองว่า
มีของอะไรที่ขายได้ มีความสามารถอะไร ก็เอามาทำเป็นงานซะ เช่น ทำกับข้าว
ทำขนมขาย ไม่ก็หากมีทักษะการขายก็หาซื้อสินค้ าต่าง ๆ ไป เพื่อขายตามตลาดนัดก็ได้
“เราอย่ ากลัวการเริ่มต้นใหม่ อย่ าแคร์สายตาใคร เพราะตราบที่ยังหายใจด้วยจมูกเรา”
4. ตั้งสติไว้ก่อน
ปรับเปลี่ยนพฤติกร รมของตัวเอง ไม่ก่อห นี้หยุดสร้างห นี้เพิ่ม
ไม่ว่าจะต้องลำบากขนาดไหน ที่สำคัญเลยต้องหยุดหาห นี้ใหม่ มาจ่ายห นี้เก่า
เพราะจะทำให้เป็นห นี้ แบบไม่รู้จักจบ เราต้องทำให้ได้อยู่ให้ได้ด้วยเงิ นตัวเอง
5. ลดค่าใช้จ่าย ที่ไม่จำเป็นลงไปบ้าง
ทำบันทึกรายรับ-รายจ่ายเอาไว้ ในแต่ละเดือน ว่ามีรายได้จากไหนพอใช้จ่ายแค่ไหน
ในแต่ละเดือนต้องใช้จ่ายอะไร เช่น ค่าใช้จ่ายในครอบครัว
ค่าเดินทาง ค่าโทรศัพท์ ค่าผ่อน ค่าใช้จ่ายสังสรรค์ ทีนี้รวมกันว่า มีค่าใช้จ่ายทั้งหมด
เท่าไหร่ใช้เงิ นไปกับอะไรเยอะสุดมันจำเป็นหรือไม่จำเป็น ถ้าไม่
ก็ต้องเลิก ถ้าใครไม่เคย จดบันทึกรายรับ-รายจ่ายจะทำให้ไม่รู้ว่า แต่ละเดือนมีการใช้จ่าย
อะไรไป จะไม่รู้ถึงปัญหาที่แท้จริงเพราะถ้าเรารู้ปัญหาแล้วว่า เงิ นหมดไปกับอะไร
ก็สามารถประหยัดตรงนั้นได้
ขอบคุณที่มา : san-sabai