มีลูกศิษย์คนหนึ่ง มักจะคอยถามพ ระอาจารย์ด้วยคำถามเดิม ๆ ทุ กวัน
“อาจารย์ครับ อะไรคือคุณค่าของชีวิตที่แท้จริงครับ?” วันหนึ่งพ ระอาจารย์นำก้อนหินก้อนหนึ่ง
แล้วพูดกับศิษย์ว่า “เจ้าจงนำก้อนหินก้อนนี้ไปขายที่ตลาด แต่ไม่ต้องขายจริง ๆ หรอกนะ
เพียงแต่ ให้คนตีราคาก็พอ แล้วคอยดูว่า แต่ละคนจะตีราคาก้อนหินก้อนนี้สักเท่าไร?”
ลูกศิษย์นั้นจึงนำก้อนหินไปขายที่ตลาด บางคนก็บอกว่าก้อนหินก้อนนี้ใหญ่ดี
สวยดีให้ราคาสองบาทบางคนก็บอกว่าก้อนหินก้อนนี้มาทำเป็นลูกตุ้มชั่งน้ำหนักได้
ก็ตีราคาให้สิบบาทที่สุดแต่ละคนก็ตีราคาไปต่าง ๆ นานา แต่ราคาที่ให้สูงสุดคือสิบบาท
ลูกศิษย์รู้สึกดีใจ กลับไปบอกอาจารย์ว่า “ก้อนหินที่ไม่มีประโยชน์อะไรนี้
ยังขายได้ถึงสิบบาท น่าจะขายออกไปจริง ๆ”อาจารย์พูดขึ้นว่า
“อย่ าเพิ่งรีบขายก่อน ลองพาไปขายในตลาดท องคำดู แต่ก็อย่ าขายออกไปจริง ๆ”
ลูกศิษย์จึงนำก้อนหินก้อนนั้น ไปขายในตลาดท องคำ เริ่มต้นมีคนตีราคาให้หนึ่งพันบาท
คนที่สองตีราคาให้หนึ่งหมื่นบาท สุดท้ายมีคนให้ถึงหนึ่งแสนบาทลูกศิษย์รู้สึกดีใจ
รีบกลับไปรายงานพ ระอาจารย์ถึงผลพลอยได้ที่นึกไม่ถึงพ ระอาจารย์กล่าวต่อไปอีกว่า
“นำก้อนหินนี้ไปตีราคาที่ตลาดเพชร” ลูกศิษย์จึงนำไปที่ตลาดค้าเพชรคนแรก
ให้ราคาหนึ่งแสน สองแสนสามแสน ไปเรื่อย ๆ เมื่อพ่อค้าเห็นไม่ยอมขายสักที
จึงให้เขาตีราคาเองแต่ลูกศิษย์นั้นกล่าวว่า “พ ระอาจารย์ไม่ให้ขาย”
จึงนำก้อนหินนั้นกลับไปพูดกับพ ระอาจารย์ว่า “ก้อนหินก้อนนี้คนให้ราคาถึงเรือนแสนแล้ว”
“ใช่แล้ว ตอนนี้อาจารย์ไม่อาจสอนเจ้าถึงเรื่องคุณค่าของชีวิต
เพราะเจ้ามองชีวิตของเจ้าเหมือนกับการตีราคาของตลาด คุณค่าของชีวิตคนเรา
ควรจะอยู่ในจิตใจของตนเอง ต้องมีสายตาของนักค้าเพชรที่เก่งที่สุดเสี ยก่อน
จึงจะมองเห็นคุณค่าที่แท้จริงของชีวิตคนเรา” คุณค่าของคนเรา ไม่ได้อยู่ที่ราคาที่อยู่ข้างนอก
แต่อยู่ที่เราให้ราคาของตัวเองราคาของเราทุ กคนเป็นสิ่งที่ไม่มีสิ่งใดเปรียบเทียบ
ยอมรับตัวเอง ฝึกฝนตัวเองให้ช่องว่างกับตัวเองได้เติบโต พวกเราก็จะกลายเป็น
“สิ่งที่มีค่าจนประเมินไม่ได้” อุปสรรคทุ กอย่ างที่เกิดขึ้น ความป วดร้าวที่เกิดขึ้นทุ กครั้ง
ความทุ กข์ที่โหมกระหน่ำ ก็มีความหมายอยู่ในตัวของมัน
ขอบคุณที่มา : verrysmilejung