ภาพ ท ห า ร อุ้มลานี้ เป็นภาพที่เกิดขึ้นในช่วง ส ง ค ว า ม โลกครั้งที่ 2 ท ห า ร กำลังอุ้มลาเดินผ่ านทุ่งหญ้า
โดยลาตัวนี้เป็นลาที่ใช้ขนเสบียง และ แบกสัมภาระต่าง ๆ ในกองร้อย
ในการเดินเท้าลาดตระเวณในพื้นที่ที่รถยนต์เข้าไม่ถึง
ขณะที่เดินผ่ านมาถึงบริเวณดังกล่าว ท ห า ร นายนี้ก็ได้ปลดสัมภาระต่าง ๆ ออก
ให้เพื่อน ๆ ช่วยกันแบก และ แบกลาตัวนี้ขึ้นหลังตัวเอง
ซึ่งเพื่อน ท ห า ร ด้วยกันต่างไม่เข้าใจ และ สงสัยในสิ่งที่ ท ห า ร คนนี้ทำ
บ้างก็ซุบซิบลับหลังว่าเขาโ ง่หรือเปล่า หรือเขารักสัตว์มาก
แต่จริง ๆ แล้ว ท ห า ร นายนี้ไม่ได้รักสัตว์ หรือ รักลาตัวนั้นเป็นพิเศษ แต่เป็นเพราะ
เขาตระหนักรู้ดีว่าในเส้นทางที่พวกเขาเดินผ่ านนั้น เต็มไปด้วย กั บ ร ะ เ บิ ด
ถ้าจูงลาตัวนี้ให้เดินเพ่นพ่านไปตามธรรมชาติของมัน มันอาจเผลอเดินไปเหยี ยบกับดักเข้า
เมื่อถึงคราวนั้นทุ กคนในกองจะเดื อดร้อนกันหมด
เมื่อเดินผ่ านพ้นเขตนั้นแล้ว เขาจึงได้อธิบายสิ่งที่เขาทำให้ ท ห า ร คนอื่น ๆ ทราบทีหลัง
ในย ามวิกฤตเรายิ่งต้องระมัดระวั ง คนที่ไม่รู้ ไม่เข้าใจ ในสถานการณ์ปัจจุบัน
ชอบทำอะไรตามอำเภอใจ ซึ่งอาจนำภัยอันใหญ่หลวงมาสู่คนห มู่มาก
มันก็ไม่ต่างอะไรกับสภาพสังคมในปัจจุบันเวลานี้ ทั้งสังคมในออฟฟิต เพื่อนร่วมงาน หรือ
หัวหน้า ลูกน้อง การทำโปรเจคต่าง ๆ หรือ การทำรายงานกลุ่มของนักเรียน
หากเปรียบลา คือ พวกที่ไม่สนใจสิ่งแวดล้อมรอบข้าง หรือ ไม่รับรู้อะไร ซึ่งเป็นหน้าที่ของคนในทีม
ที่จะต้องรู้จักปรับตัว หรือ ยอมเสี ยสละมากกว่าคนอื่นบ้าง เพื่อให้ภารกิจสำเร็จลุล่วง
ที่สำคัญคือ เวลาที่่ต้องทำงานเป็นทีมอย่ าทำตัวเหมือนลา จนทำให้จำนวนลามากกว่าจำนวน ท ห า ร
หรือ พูดง่าย ๆ คือ มีตัวถ่วงเยอะกว่าคนที่ทำงานจริง ๆ
จนควบคุมงานไม่ได้ และ เรื่องที่น่าเศร้าคือ ท ห า ร คนเดียวแบกลาหลายตัวไม่ไหว เราทุ กคนต้องช่วยกันพย าย าม
เปลี่ยนลาให้เป็น ท ห า ร หรือ อย่ างน้อยที่สุดก็อย่ าพย าย ามทำตัวเป็นลา
ช่วยกันเปลี่ยนทัศนคติ และ จิตสำนึกของพวกเขา ให้เห็นแ ก่ส่วนรวม
ถ้าเราทุ กคนร่วมมือกันก็จะลดจำนวนลาลงไปได้
ขอบคุณที่มา : bitcoretech