Home ข้อคิด ความคิดพาจน อ ย า ก ร ว ย อ ย่ า ทำ

ความคิดพาจน อ ย า ก ร ว ย อ ย่ า ทำ

20 second read
ปิดความเห็น บน ความคิดพาจน อ ย า ก ร ว ย อ ย่ า ทำ
0
644

หลาย ๆ คนน่าจะรู้จักคุณคุณคิโยซากิ ผู้เขียนในหนังสือการเ งินชื่อดังอย่ าง พ่ อ ร ว ย ส อ น ลู ก

เขาบอกว่าพ่อที่แท้จริงของเขานั้นมีความคิดแบบ “พ่อจน” ส่วนพ่อของเพื่อนสนิทเขามีความคิดแบบ “พ่อร วย”

 

ซึ่งเริ่มต้นด้วยเงิ นเพียงน้อยนิดแต่สามารถกลายเป็นหนึ่งในคนที่ร วยที่สุดของฮาวายได้!

ด้วยการที่เขาได้คลุกคลีกับพ่อทั้งสองท่าน คุณคิโยซากิก็ได้เรียนรู้ว่าคำพูดของพ่อทั้งสองนั้นแต กต่างกัน

เราลองมาดูกันว่า ถ้า อ ย า ก จะมีทัศนคติแบบคนร วย ต้องทำอย่ างไร แล้วความคิดแบบไหนที่ควรหลีกเลี่ยง?

 

พ่อจนบอกว่า “ฉันไม่มีวันร วยหรอก”

พ่อร วยบอกว่า “ฉันเป็นคนร วย”

แม้ว่าพ่อร วยของคุณคิโยซากิจะเจอภาวะล้ มละลาย เขาก็ยังเรียกตัวเองว่า “คนร วย”

โดยเสริมว่า ความแต กต่างระหว่างการล้ มละลายกับความจนก็คือ การล้ มละลายน่ะมันแค่

 

ชั่ ว ค ร า ว แต่ความจนน่ะคือตลอดไป”

พ่อจนบอกว่า “ฉันซื้อมันไม่ได้หรอก”

พ่อร วยบอกว่า “ฉันจะซื้อมันได้อย่ างไร”

 

ประโยคของพ่อจนนั้นเป็นเพียงประโยคบอกเล่าที่ชวนให้ท้อถอยเสี ยเหลือเกิน

แค่พูดคำนี้ ส ม อ ง ก็ไม่ทำงานต่อแล้ว

 

ส่วนประโยคของพ่อร วยนั้นเป็นคำถามที่ ก ร ะ ตุ้ น ส มอ ง ให้คิดหาวิ ธีสร้างเ งินเพื่อมาซื้อสิ่งนั้น ๆ

แต่เดี๋ยวก่อน! ขาช้อปอย่ าเพิ่งเฮไป นี่ไม่ได้หมายความว่าเราควรจะซื้อทุ กอย่ างที่เราปรารถนา

 

แต่ประเด็นอยู่ที่การฝึก ส ม อ ง ให้คิดหาคำตอบเรื่อย ๆ ต่างหาก ว่าจะหาทางสร้างเงิ นอย่ างไร

ไม่แน่ว่าพอเราได้เงิ นนั้นมาแล้ว เราอาจจะไม่ได้ อ ย า กได้ของชิ้นนั้นแล้วก็ได้

 

พ่อจนบอกว่า “บ้านของฉันคือสินทรัพย์”

พ่อร วยบอกว่า “บ้านของฉันคือห นี้สิน”

 

หลายคนยังไม่เข้าใจความแต กต่างระหว่างสินทรัพย์และห นี้สิน ให้เราอธิบายง่าย ๆ ละกัน

สมมติเราต กงานวันนี้ สินทรัพย์คือสิ่งที่จะยังทำเงิ นให้เราได้ ส่วนห นี้สิน

จะดึงเงิ นออกจากเรา ในกรณีของบ้าน

 

ซึ่งเป็นตัวอย่ างข้างต้นนั้น เป็นสิ่งที่มีมูลค่าสูง แต่กลับไม่ค่อยเพิ่มมูลค่าเมื่อเวลาผ่ านไปสักเท่าไรนัก

แถมเราอาจจะต้องจ่ายด อกเบี้ยเงิ นกู้บ้านเรื่อย ๆ ด้วย

 

จึงทำให้บ้านกลายเป็นห นี้สินอย่ างเห็นได้ชัด แต่ ๆ ๆ ไม่ได้จะบอกว่าไม่ให้ซื้อบ้านนะ

ถ้าซื้อด้วยความจำเป็นมันก็โอเค จุดสำคัญคือ เราต้องเข้าใจว่าสินทรัพย์และห นี้สินต่างกันอย่ างไร

 

พ่อจนบอกว่า “เรียนให้หนักเข้าไว้ จะได้ทำงานในบริษัทดี ๆ”

พ่อรว ยบอกว่า “เรียนให้หนักเข้าไว้ จะได้สามารถเป็นเจ้าของบริษัทดี ๆ ได้”

เหล่าคนร วยมักไม่กลัวที่จะคิดการใหญ่ พวกเขาจะตั้งความหวังไว้สูง ๆ

 

และคาดหวังว่าจะทำเงิ นได้เยอะ ๆ ในขณะที่คนธรรมดาทั่วไปคาดหวังว่าพวกเขา

จะต้องลำบาก และไม่ได้ตั้งเป้าหมายไว้สูงมาก

 

พ่อจนบอกว่า “เรื่องเงิ นท อง อย่ าไป เ สี่ ย ง ”

พ่อร วยบอกว่า “จงเรียนรู้วิ ธีบริหารความ เ สี่ ย ง ”

 

มีหลายคนที่กลัวความ เ สี่ ย ง จึงเก็บเงิ นไว้กับตัวเอง

นั่นเพราะพวกเขาอาจจะไม่รู้ว่าจริง ๆ ความ เ สี่ ย ง นั้นสามารถบริหารจัดการกันได้

 

คนร วยส่วนใหญ่ลงเล่นเกมการเ งินก็เพื่อเอาชนะ ซึ่งพวกเขาต้องมีความกล้าได้กล้าเสี ยระดับหนึ่ง

แต่ขณะเดียวกันพวกเขาก็สามารถรับความไม่แน่ไม่นอนได้ นั่นหมายความว่า

พวกเขาไม่ได้แค่หลับหูหลับตาก้าวเข้าไปสู้รบแบบไม่รู้เรื่องอะไร

 

แบบนั้น อั น ต ร า ย พวกเขาต้องกล้าที่จะรับความ เ สี่ ย ง แบบชาญฉลาด ซึ่งต้องใช้ประสบการณ์

และความรู้ระดับหนึ่ง

 

ดังนั้น เพื่อที่จะให้ได้ประสบการณ์และความรู้มากขึ้น เราก็ต้องลอง!

ลองผิดลองถูกและเรียนรู้ทุ กครั้งเมื่อสำเร็จหรือล้ มเหลว

สิ่งเหล่านี้จะช่วยสร้างความแข็งแกร่งให้เรา และทำให้เราเข้าใจความ เ สี่ ย ง มากขึ้น

 

พ่อจนบอกว่า “ฉันไม่สนใจเรื่องเงิ นหรอก”

พ่อร วยบอกว่า “เงิ นคืออำนาจ”

 

พวกเราส่วนใหญ่มักถูกสอนให้เรียนดี ๆ หางานดี ๆ และจงพอใจในชีวิตที่เรามีอยู่เสี ย

จะว่าเป็นความคิดที่ดีมันก็ดี

 

มันทำให้เราไม่โลภ อ ย า ก ได้อะไรเกินตัวเกินไป แต่ในขณะเดียวกัน

มันก็อาจจะปิดกั้นศักยภาพบางอย่ างของเราที่อาจจะเติบโตได้อีก

 

ในทางตรงกันข้าม คนร วยจะคิดถึงเรื่องเงิ นแบบเป็นขั้นเป็นตอน และมองเงิ นว่าเ

ป็นเครื่องมือที่มีอำนาจซึ่งสามารถนำมาซึ่งตัวเลือกและโอกาสต่าง ๆ ได้

 

พูดง่าย ๆ คือ ไม่ว่าเงิ นจะถูกมองไม่ดีอย่ างไร แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้ว่าการมีเ งินเยอะ ๆ

ก็ถือเป็นแต้มต่อให้ชีวิตจริง ๆ

 

พ่อจนบอกว่า “ฉันทำงานเพื่อเ งิน”

พ่อร วยบอกว่า “เงิ นทำงานให้ฉัน”

 

ความแต กต่างระหว่างคนร วยกับคนธรรมดาอย่ างหนึ่งก็คือวิ ธีที่พวกเขาได้รับเ งิน

คนธรรมดาส่วนใหญ่ก็ทำงานแลกเวลาหาเงิ นกันไป

 

เงิ นเดือนออกทีก็ชาบูที วิ ธีนี้แม้จะการันตีว่าได้เ งินแน่นอนแต่ถ้ามัวแต่ทำงานแบบนี้

อย่ างเดียวโดยไม่หาทางให้เงิ นงอกเงยทางอื่นเลย

 

ก็อาจจะทำให้เงิ นไม่พอในอนาคต และมีความ เ สี่ ย ง หากเกิดกรณีต กงานอีก

ในขณะที่คนร วยนั้นส่วนใหญ่จะมีธุรกิจเป็นของตัวเอง ทำงานแบบมีค่าคอมมิชชั่น

หรือเลือกลงทุนในสินทรัพย์ต่าง ๆ

 

หลายคนอาจจะบ่นว่า โห มีเงิ นแค่นี้ จะให้มันทำอะไรได้ ไม่พอหรอก ซึ่งเราก็ปฏิเสธ

แต่ชีวิตเราไม่จำเป็นต้องเลือกทางเดียว

 

เราสามารถทำงานไปด้วย และให้เ งินทำงานแทนเราไปพร้อม ๆ กันก็ได้ ผ่ านการลงทุนในสินทรัพย์ต่าง ๆ

เช่น หุ้น กองทุนรวม อสังหาริมทรัพย์ หรือ สร้างธุรกิจเล็ก ๆ ที่พอจะสร้างกำไรให้เราได้ ควบคู่ไปด้วย

 

ขอบคุณที่มา :sabailey
Load More In ข้อคิด
Comments are closed.

Check Also

คำกล่าวเปิดงาน ใช้บ่อย เก็บไว้ฝึกให้ พูดคล่อง ๆ

1. งานเลี้ยงส่ง เรียน ท่าน (ประธานจัดงาน) และแขกผู้มีเก … …