1. คนมองอะไรสั้น ๆ ตัดสินแค่สิ่งที่อยู่ตรงหน้าทันที
หลังเรียนจบ Li Ting และ Tan Si เข้าไปฝึกงานที่บริษัทบัญชีแห่งหนึ่งด้วยกัน
หลังหมดระยะฝึกงาน บริษัทเสนอให้ไปศึกษางาน
ที่สำนักงานใหญ่ที่ต่างประเทศเป็นเวลา 2 ปี แต่ได้เงิ นเดือนแค่ครึ่งเดียวไม่มี
ค่าคอมมิชชั่นให้ Li Ting รู้สึกว่าเงิ นเดือนน้อยเกินไป
แถมไม่คุ้นเคยกับการใช้ชีวิตในต่างแดนด้วย ก็เลยไม่ไปส่วน Tan Si กล้าตัดสินใจ
เลือกไปศึกษางานที่สำนักงานใหญ่ในต่างประเทศ
ในมุมมองของเธอ เธอคิดว่าไปศึกษางาน แถมยังได้เงิ นเดือนเป็นเรื่องที่คุ้มแสนคุ้ม
พอเวลาผ่ านไป 2 ปี Tan Si กลับมาที่บริษัทในฐานะ
หัวหน้าโครงการคนใหม่รายได้ 1 ล้านต่อปี ส่วน Li Ting ยังคงทำงานในตำแหน่งเดิม
เงิ นเดือนในตอนนี้ไม่ถึง 1 ใน 3 ของ Tan Si เลยด้วยซ้ำ
2. คนที่ไม่เรียนรู้ นอกเหนือจาก 8 ชั่ วโมง
มีเพื่อนเราคนหนึ่งทำงานที่โกดังสินค้า คอยเช็คจำนวนสินค้าในคลัง งานนี้เป็นงานง่าย ๆ
ที่เหมือนจะถูกแทนที่ด้วยหุ่นยนต์ในอนาคต
แต่เมื่อทำงานปีแรกเขาก็ค้นพบว่ามีของบางอย่ างที่ถูกจัดส่งเป็นจำนวนมาก เขาเริ่ม
เกิดไอเดียจึงไปค้นหาข้อมูลต่อและพบว่าของบางอย่ างในโกดังนั้น
เป็นที่ต้องการของตลาดมาก ด้วยความที่อยู่ในวงการนี้อยู่แล้วทำให้เขามองหาแหล่ง
ผลิตที่ต้นทุนถูกได้และเริ่มนำมาลงหน้าเว็ปเพื่อขายออนไลน์
เมื่อเวลาผ่ านไป 3 ปี ธุรกิจของเขาขย ายตัวอย่ างรวดเร็ว เข้าปีที่ 7 เขาก็ได้เปิดบริษัท
เป็นของตัวเอง ตลอดระยะเวลาในการทำงาน สิ่งที่เขาไม่เคยหยุด
ทำเลยก็คือ ใช้เวลานอกเหนือจาก 8 ชั่ วโมงในการเรียนรู้ ยุคสมัยนี้เป็นยุคแห่งการเรียนรู้
ความรู้เติบโตขึ้นในอัตราที่ก้าวกระโดด เพราะทุ กคนมีอินเตอร์เน็ต
สามารถเข้าถึงความรู้ต่าง ๆ ได้อย่ างรวดเร็ว
3. คนที่ไม่เข้าใจการลงทุนในตัวเอง
เรามักจะได้ยินคำเตื อนว่า อย่ าฟุ่มเฟือย แต่ถ้าเราเก็บเงิ นได้ 1 แสนต่อปีภายใน 10 ปี
เก็บได้ 1 ล้าน นี่คือเก่งหรอ…? คำตอบคือ ไม่ใช่ เพราะคุณ
ใช้เวลาตั้ง 10 ปีถึงจะเก็บเงิ นได้ 1 ล้าน แต่คนอื่นอาจจะใช้เวลาแค่ปีเดียว
ในการเก็บเ งินหนึ่งล้าน คุณต้องรู้ว่าจะลงทุนกับตัวเองยังไง ถ้าทุ กเดือน
คุณเอาเงิ นส่วนหนึ่งมาลงทุนกับตัวเองบ้าง เช่น ออกเดินทางเที่ยวรอบโลก
เพื่อไปเจอธุรกิจใหม่ ๆ ที่น่าสนใจในต่างประเทศ แต่ในบ้านเรายังไม่มี
ก็นำไอเดียกลับมาต่อยอดเป็นธุรกิจของตัวเอง เป็นต้น
4. คนที่ทำงานร่วมกับคนอื่นไม่เป็น
บริษัทต่างชาติแห่งหนึ่ง ให้เงิ นผู้สมัครงาน 75 บาท ให้พวกเขาไปหาข้าวกินด้วยกัน
เมื่อผู้สมัครทั้ง 6 คนไปถึงร้านอาหาร ปรากฎว่าข้าวจานหนึ่งราคาอย่ างต่ำ 15 บาท
เงิ นที่พวกเขามีไม่พอที่จะนำซื้อข้าวคนละจาน พวกเขาก็เลยกลับไปที่บริษัท พอถึงบริษัท
ประธานบริษัทรู้เข้าก็ส่ายหน้า แล้วพูดกับพวกเขาว่า ขอโ ทษด้วย
พวกคุณไม่เหมาะกับบริษัทเรา
คุณรู้ไหม…? ร้านอาหารร้านนั้น มีโป รโมชั่ นซื้อ 5 แถม 1 ไม่ได้อ่ านดูรายละเอียดในเมนูเลยหรอ
นี่แสดงให้เห็นถึงความไม่ใส่ใจหรือ ถึงแม้ไม่มีโปร 5 แถม 1 ก็ยังขอจานเปล่ามาหนึ่งใบ
แล้วสั่งข้าว 5 จานมาแบ่งกันกินก็ได้ แต่ผู้สมัครทั้ง 6 คนไม่มีใครคิดว่ามาด้วยกัน
จึงไม่เกิดคำว่าเป็นทีมเดียวกัน ทุ กคนต่างคิดถึงแต่ตัวเอง เมื่อเข้ามาอยู่ในองค์กรก็
ไม่รู้จักการทำงานเป็นทีม
5. คนที่ทำงานแบบเดิม ๆ ซ้ำ ๆ
พนักงานที่ต้องทำงานแบบเดิม ๆ ซ้ำ ๆ เช่น แพคของ ประกอบชิ้นส่วน จัดเรียงสินค้ าในคลัง
งานที่อาศัยแค่การจับวางให้เข้าที่ไม่ได้ใช้การคิด วิเคร าะห์หรือการตัดสินใจใด ๆ เรียกว่า
ทำงานด้านเดียวคล้าย ๆ หุ่นยนต์ จึงไม่แปลกเลยหากจะถูกแทนที่ด้วยหุ่นยนต์จริง ๆ เพราะว่า
หุ่นยนต์ไม่เรียกร้องขึ้นเงิ นเดือน ไม่ข าด ลา มาสาย ไม่บ่น ไม่หยุดงานประท้วง
ไม่เรียกร้องสวัสดิการเพิ่ม
ขอบคุณที่มา : the-wayoflife