Home ความรู้ สั ญ ญ า ณ ไ ฟ บนหน้าปัด คนใช้ ร ถ ต้องดูให้เป็น ฝื น ขั บ ต่ อไป รถพั ง แ น่ น อ น

สั ญ ญ า ณ ไ ฟ บนหน้าปัด คนใช้ ร ถ ต้องดูให้เป็น ฝื น ขั บ ต่ อไป รถพั ง แ น่ น อ น

20 second read
ปิดความเห็น บน สั ญ ญ า ณ ไ ฟ บนหน้าปัด คนใช้ ร ถ ต้องดูให้เป็น ฝื น ขั บ ต่ อไป รถพั ง แ น่ น อ น
0
887

สัญญาณไฟ เ ตื อ น หน้าปัดรถยนต์ ถือเป็นสิ่งที่ช่วยตรวจสอบความผิดปกติ

ของรถยนต์ และแจ้ง เ ตื อ น ให้เราทราบ

 

ซึ่งจะดีขนาดไหนหากเรารู้ถึงความหมายของสัญลักษณ์ต่างๆ

ทั้งนี้สัญลักษณ์ต่างๆ มีการแบ่งประเภท และความ ร้ า ย แรงด้วยสี

ของสัญญาณ เ ตื อ น โดยแบ่งได้ 4 ประเภทดังนี้

 

1 สัญญาณ เ ตื อ น สีเหลือง

หมายถึง การ เ ตื อ น ให้ตรวจสอบ แต่ยังสามารถใช้งานได้อยู่

 

2 สัญญาณ เ ตื อ น สีแดง

หมายถึง ให้ตรวจสอบโดยทันที หรือหยุดใช้งานเพื่อความปลอดภัย

 

3 สัญญาณ เ ตื อ น สีเขียว

หมายถึง อุปกรณ์ที่กำลังใช้งานอยู่

 

4 สัญญาณ เ ตื อ น สีน้ำ เ งิ น

หมายถึง อุปกรณ์ที่กำลังใช้งานอยู่ แต่ไม่ใช่ค่าตั้งต้นจากโรงงาน (เช่น การเปิดไฟสูง)

 

นอกจากเข็มไมล์แล้ว ยังมีสัญลักษณ์อีก ม า ก ม า ย ที่ โ ช ว์ อยู่บนแผงหน้าปัดหน้ารถ เคยสงสัยหรือไม่ว่า แต่ละอันมันบอกอะไร

หรือหมายถึงอะไรกันแน่ เรามาทำความรู้จักสัญลักษณ์บนแผงหน้าปัดที่ช่วย เ ตื อ น ว่า รถของคุณน่าจะมีปัญหากันดีกว่า

 

1 ไฟเบรกมือ

ไฟนี้จะขึ้นเมื่อเราดึงเบรกมือ แต่เมื่อไหร่ก็ตามที่เราไม่ได้ดึงเบรกมือแต่ไฟนี้สว่างขึ้นมา

แสดงว่าระดับน้ำมันเบรกต่ำ อีกกรณีคือ เวลาที่เราเลี้ยวรถแรงๆ ไฟนี้ก็อาจกระพริบขึ้นมา

 

ได้เพราะระบบช่วยทรงตัวของรถกำลังทำงาน พอรถทรงตัวได้แล้ว

ไฟนี้ก็จะหยุดกระพริบ แต่ถ้าไม่หยุด ก ร ะ พ ริ บ ก็ควรนำรถไปเช็คการทรงตัว

 

2 ไฟ ABS

ไฟนี้ก็เป็นอีกหนึ่งสัญลักษณ์ที่ ติ ด ตอนก่อนที่เราจะสตาร์ทรถ และอาจจะกระพริบระหว่างขับ

ถ้าหากเราเบรครถแรงๆ เพื่อบอกให้เรารู้ว่าระบบเบรค ABS กำลังทำงานอยู่ แต่ถ้าไฟเอบีเอส

 

นี้สว่างขึ้นมาทั้งๆ ที่ไม่ได้เบรกแรง แปลว่าระบบอาจจะมีปัญหา แต่ก็ยังสามารถขับต่อไปได้

แต่ไม่ควรใช้ความเร็ว และให้ลองตรวจเช็คจากคู่มืออีกทีเนื่องจากรถบางรุ่นอาจมีสัญลักษณ์ที่คล้ายกัน

 

3 ไฟ เ ตื อ น อุณหภูมิเครื่องยนต์

อีกไฟที่ต้อง ร ะ วั ง คือ ไฟนี้ เพราะเมื่อไหร่ที่ไฟนี้สว่างขึ้นมาแสดงว่าเครื่องยนต์มีอุณหภูมิ

ที่สูงเกินไป และอาจทำให้เกิดความ เ สี ย หายได้ ดังนั้น คุณควรนำรถจอดเข้าข้างทางทันที

 

รอให้อุณหภูมิรถยนต์เย็นลงแล้วค่อยตรวจเช็ค ร ะ บ บ ห ล่ อ เ ย็ น ซึ่งปัญหาส่วนใหญ่จะมาจาก

การอุดตัน การรั่ว หรือระดับของน้ำย า หล่อเย็น แต่ถ้าคุณยังฝืนขับต่อหรือปล่อย

 

ให้อุณหภูมิสูงต่อไปเรื่อยๆ เครื่องจะดับ และอาจทำให้ฝาสู บ โ ก่ ง หรือเ สื้ อ สู บ บิ ด ร้ า วได้

แต่เพื่อความ ป ล อ ด ภั ย คุณควรเช็คสภาพของรถ อ ย่ า ง สม่ำเสมอ

 

โดยเฉพาะก่อนการขับรถระยะไกล และเมื่อเกิดปัญหา ให้ตั้งสติ ใจเย็นๆ และพ ย า ย า มนำรถ

เข้าข้างทางโดยเลือกจุดที่ป ล อ ด ภั ยเสมอ

 

4 ไฟเครื่องระยนต์

หากไฟหน้าตาแบบนี้ขึ้นมา แสดงว่า เครื่องยนต์มีปัญหา ให้ลองเช็คเข็มบอกอุณหภูมิของเครื่องยนต์ว่า

สูงหรือไม่ ถ้าไม่สูงก็สามารถขับต่อได้ แต่ควรจะขับอยู่ที่ 1,500-2,000 รอบต่อนาที

 

แล้วเข้าศูนย์ หรืออู่เพื่อหาสาเหตุที่แท้จริง เนื่องจากไฟ เ ตื อ น นี้ไม่ได้บอกว่า

ปัญหาที่กำลังเกิดขึ้นนั้นหนักแค่ไหน ถ้าหากว่าเป็นปัญหาใหญ่แล้วคุณยังคงขับต่อไป

นั่นอาจทำให้ส่วนอื่นๆ เ สี ย หายตามไปด้วย

 

5 ไฟกาน้ำมันเครื่อง

ปกติไฟนี้จะขึ้นมาตอนที่เราสตาร์ทรถ แล้วดับไป แต่ถ้าเครื่องยนต์ ติ ด แล้ว

แต่ไฟนี้ยังคงขึ้นอยู่ คุณควรดับเครื่องยนต์ทันที หรือ ถ้าหากไฟนี้ขึ้นระหว่างขับรถ

 

ให้ตรวจเช็คอุณหภูมิของรถว่าขึ้นสูงหรือไม่ หากปกติ หรือสูงขึ้นนิดหน่อยคุณยังพอมีเวลา

น้ำรถเข้าข้างทางแล้วดับเครื่อง จากนั้นให้เช็คว่าระดับน้ำมันเครื่อง

 

อยู่ในเกณฑ์ที่กำหนดหรือไม่ โดยดึงก้านวัดน้ำมันเครื่องขึ้นมาดูว่าระดับน้ำมัน

ถึงขีดที่อยู่บนก้านหรือไม่ ซึ่งที่ก้านจะมีสองขีด ได้ แ ก่ ขีดเกณฑ์ระดับน้ำมันเวลา

 

เครื่องไม่ร้อน และขีดเกณฑ์ระดับน้ำมันเวลาเครื่องร้อนหากระดับน้ำมันเครื่องพร่องไป

คุณสามารถเติมเองได้ แต่ก็ควรตรวจเช็คเพิ่มเติมว่ามีปัญหาอื่นอีกหรือไม่

 

เช่น น้ำมันเครื่อง เ สี ย แต่ถ้าไม่มีน้ำมันเครื่องเลย แสดงว่า อาจมีรอยรั่ว ให้ลองตรวจหาร อ ย รั่ ว

ถ้าหากหาไม่เจอก็อาจเกิดจากประเก็นฝาสูบ แ ต ก ทำให้น้ำมัน

 

เครื่องรั่ ว เข้าห้อง เ ผ า ไ ห ม้ ซึ่งจะทำให้ควันปลายท่อเป็นสีขาว หรือ อ า จ รั่ ว

เข้าระบบระบายความร้อน ซึ่งกรณีนี้จะต้องให้เครื่องเย็นก่อน จึงจะเปิดหม้อน้ำ

เพื่อตรวจดูสีของน้ำ หากเป็นสีกาแฟขุ่น แสดงว่ามีน้ำมันเครื่องรั่วเข้าระบบระบายความร้อน

 

6 ไฟแบตเตอรี่

ปกติไฟแบตเตอรี่จะ ติ ด เวลาสตาร์ทรถแล้วดับไปเมื่อเครื่องยนต์ ติ ด แล้ว แต่ถ้าตอนสตาร์ทไฟนี้ไม่ขึ้น

แต่ขึ้นหลังจากที่เครื่องยนต์ ติ ด แล้ว หรือระหว่างขับรถ นั่นแสดงว่าแบตเตอรี่ของ

 

คุณเก็บไฟไม่ได้ ซึ่งอาจเกิดจากแบตเตอรี่เ สื่ อ ม ไดชาร์ทหย่อน ข า ด เ สื่ อ ม สภาพ หรือห ม ด อ า ยุ

เมื่อไฟ เ ตื อ น นี้สว่างขึ้น ให้คุณปิดวิทยุ แอร์ และระบบไฟฟ้าอื่นๆ เพื่อให้แบตเตอรี่

 

ยังพอมีไฟฟ้าอยู่ แล้วหาศูนย์ หรืออู่ที่ใกล้ที่สุด หากไม่มีก็ควรนำรถจอดเข้าข้างทางโดยเร็ว

เพราะไม่นาน รถก็จะดับเนื่องจากไม่มีไฟฟ้าเลี้ยงระบบ

 

เรียบเรียงโดย krustory

Load More In ความรู้
Comments are closed.

Check Also

คำกล่าวเปิดงาน ใช้บ่อย เก็บไว้ฝึกให้ พูดคล่อง ๆ

1. งานเลี้ยงส่ง เรียน ท่าน (ประธานจัดงาน) และแขกผู้มีเก … …